ประเด็นที่ยังคงร้อนแรงทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ “ประชามติแยกดินแดน” ซึ่งถูกผูกโยงถึง 3 พรรคการเมือง “ว่าที่รัฐบาล” ทั้งก้าวไกล ประชาชาติ และเป็นธรรม
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายความมั่นคงแสดงท่าทีขึงขัง เดินหน้าเอาผิด และดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องแน่นอน เพราะค่อนข้างชัดเจนว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยชี้เป้าว่ามีนักการเมืองและพรรคการเมืองอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
“ทีมข่าวอิศรา” ได้ข้อมูลมาว่า แม้ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) และกองทัพภาคที่ 4 จะยังไม่ขยับเรื่องการดำเนินคดี แต่จริงๆ คดีนี้ถูกเปิดแล้วในส่วนของคดีอาญา และกำลังจะถูกเปิดในส่วนของคดีพรรคการเมืองด้วย
9 มิ.ย.66 นายศรีสุวรรณ จรรยา จากองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ไปแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้เอาผิดคนจัดงาน และผู้ร่วมงาน “ประชามติเอกราช” ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 (กบฏ) 114 (ตระเตรียมก่อกบฏ) และ 116 (ยุยงปลุกปั่น)
16 มิ.ย.66 นายศรีสุวรรณ เตรียมไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง 3 พรรค ว่าเข้าข่ายมีพฤติการณ์ที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 22 และ 92 หรือไม่
มาตรา 22 คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ฯลฯ แต่ไม่ปฏิบัติ
กกต.มีสิทธิสั่งให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งได้
มาตรา 92 มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
กกต.ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้
@@ เก็บข้อมูลย้อนหลังช่วงปราศรัยหาเสียง
มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่า แม้ในเบื้องต้นพรรคก้าวไกลดูจะลอยตัว เพราะตัวแทนพรรคที่ได้รับเชิญไปเป็น “วิทยากรเอก” ของงานประชามติเอกราช แจ้งยกเลิกไปร่วมงานกะทันหัน แต่ที่ผ่านมาได้มีการเก็บข้อมูลแวดล้อมเอาไว้ ไม่ได้มีข้อมูลหลักฐานเฉพาะกิจกรรมของนักศึกษาวันที่ 7 มิ.ย.66 เท่านั้น
โดยกิจกรรมวันสัมมนาประชามติเอกราช และแถลงการณ์สนับสนุนให้การทำประชามติเอกราชถูกกฎหมาย มีการถอดเทปไว้ทั้งหมดว่าใครพูดอะไรบ้าง ซึ่งฝ่ายกฎหมายและฝ่ายความมั่นคงมองว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่ไม่มีคนของพรรคก้าวไกล
-การหาเสียง และปราศรัยต่างๆ ตลอดจนการร่วมกิจกรรมสัมมนา เสวนา เวทีต่างๆ ของตัวแทนพรรคการเมือง มีการบันทึกเทปไว้หมดว่าใครพูดอะไรบ้าง ส่วนนี้น่าจะมีคนของพรรคก้าวไกลรวมอยู่ด้วย และจากหลักฐานชี้ว่าบางส่วนอาจหมิ่นเหม่ขัดต่อกฎหมาย และบางส่วนหมิ่นเหม่หาเสียงหลอกลวงประชาชนหรือไม่ เพราะสิ่งที่ปราศรัยหาเสียง ไม่ได้ส่งเป็นนโยบายให้ กกต. ทั้งๆ ที่บางนโยบายต้องแก้ไขกฎหมาย บางนโยบายต้องใช้งบประมาณ เช่น ถอนทหาร ยุบ กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ยุบ ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) เป็นต้น
และสิ่งที่หาเสียงบางส่วนก็หมิ่นเหม่ไปกระทบความมั่นคง คล้ายๆ ประชามติแยกดินแดนเหมือนกัน
@@ ผบช.ก.มอบ “ปอท.” ประมวลเรื่องก่อนลงความเห็น
สำหรับความคืบหน้าหลังจาก นายศรีสุวรรณ เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปรากฏว่าได้มีการรายงานความคืบหน้าให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สรุปว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายศรีสุวรรณเอาไว้แล้ว ในฐานะเป็นผู้กล่าวหา โดยนอกจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 3 มาตรา คือ 113, 114 และ 116 แล้ว ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หรือ พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 14(3) ด้วย
ทั้งนี้ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 14(3) บัญญัติว่า นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
ล่าสุดคดีอยู่ระหว่างประมวลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อมีความเห็นต่อไป
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า คดีอยู่ในขั้นตอนการประมวลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยมอบหมายให้ บก.ปอท.เป็นเจ้าภาพดำเนินการ ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ