เหตุการณ์ที่อ้างว่าเป็น “กิจกรรมนักศึกษา” และ “เวทีวิชาการ” ว่าด้วย “ประชามติกำหนดอนาคตตนเอง” หรือ “ประชามติเอกราชปาตานี” ซึ่งมีการจำลองการลง “ประชามติ” แบบเสมือนจริงด้วยนั้น ได้บานปลายกลายเป็นประเด็นการเมืองไปแล้ว
เมื่อนักกิจกรรมและกลุ่มไหวในพื้นที่ชายแดนใต้ ออกมาวิจารณ์บทบาทของพรรคการเมืองที่ออกแนว “ตีกรรเชียง” ไม่เกี่ยวข้องและไม่สนับสนุน “ประชามติเอกราช” ภายหลังมีกระแสสังคมกดดัน และฝ่ายความมั่นคงแสดงท่าทีรวบรวมหลักฐานดำเนินคดี ทั้งๆ ที่พรรคเหล่านั้นก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมเวที และแสดงความเห็นเชิงสนับสนุนการทำประชามติในประเด็นที่ถูกฝ่ายความมั่นคงมองว่าล่อแหลมนี้
@@ “อาเต็ฟ” ตอก “กัณวีร์-พรรคเป็นธรรม” ลืมสัญญา
นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ประธานคณะกรรมการกำกับยุทธศาสตร์ The Patani ซึ่งเป็นองค์กรที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้มาก่อน และเจ้าตัวเป็นหนึ่งในวิทยากรที่ร่วมเวทีเสวนาในงานกิจกรรมประชามติเอกราช ได้ออกมาเผยแพร่คลิปวีดีโอของตนเอง ที่จัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงเรื่องราว โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในวิทยากร 4 ท่าน ตัวแทนพรรคการเมือง 3 พรรค พรรคประชาชาติได้ที่นั่งมากที่สุดในพื้นที่ พรรคก้าวไกลที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งพรรครัฐบาลและพรรคเป็นธรรมที่มี ส.ส.หนึ่งเดียวในประเทศไทย และตนเองในฐานะองค์กรที่เคลื่อนไหวทางการเมือง คืองานที่จัดเป็นการพูดคุยกันในทางวิชาการ ความขัดแย้งในปาตานีเองเราจะจัดการอย่างไร เป็นเรื่องมหากาพย์ เป็นเรื่องที่มีมานาน และหนึ่งในเรื่องที่หลายคนมองว่า สำคัญมากคือการให้สิทธิต่อคนพื้นเมือง ต่อคนพื้นที่ในการเลือกที่จะกำหนดชะตากรรมของตนเอง
“นอกเหนือจากขบวนการสันติภาพแล้ว ผมมองว่าการจัดเสวนาแบบนี้เป็นเรื่องปกติทั่วไปมากๆ และเป็นความเห็นที่ค่อนข้างดีและอิงงานวิชาการ ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร สิ่งที่พูดคุยไม่ได้มีอะไรมากกว่าวุฒิภาวะของผู้รับฟังและของผู้คนที่ออกมาสื่อสารในที่สาธารณะ หลายคนออกความเห็นไร้เดียงสามาก ความพยายามเมื่อวานซืน (หลังจากเกิดเป็นข่าว) กลายเป็นเหมือนการก่ออาชญากรรม”
นายอาเต็ฟ บอกอีกว่า “หลังจากได้มีโอกาสลงประชามติ (ในการจัดทำประชามติจำลอง) สิ่งที่เราเห็นว่า PELAJAR BANGSA (ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ) เป็นข้อถกเถียงในปาตานีมานาน จริงๆ 10 ปีที่แล้วก็เคยทำในลักษณะนี้ ในกระดาษนั้นเขาถามว่า คุณเห็นด้วยหรือไม่กับหลักในการกำหนดอนาคตตนเอง หรือชะตากรรมตนเอง หรือกำหนดใจตนเอง ที่จะให้ชาวปาตานีลงประชามติเป็นเอกราชออกจากรัฐไทยโดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเป็นคำถามที่ชัดมาก ไม่ได้เป็นคำถามที่ถามว่า คุณต้องการเอกราช หรือเป็นการถามโดยให้เรามีโอกาสในการแสดงความเห็นว่า เราเห็นด้วยหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น กรณีเทียบเคียงกรณี 112 ที่เป็นประเด็นต่อพรรคร่วมรัฐบาล คุณเห็นด้วยที่จะมีการแก้ 112 หรือคุณเห็นด้วยหรือไม่ที่จะมีการยกเลิก 112 ไม่ใช่เป็นการถามว่า คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าจะมีสถาบันกษัตริย์หรือไม่
ผมเข้าใจว่า สิ่งที่ PELAJAR BANGSA (ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ) อยากจะทำ ซึ่งหมายถึงวันข้างหน้า รัฐไทยเติบโต มีวุฒิภาวะทางประชาธิปไตยเพียงพอ รัฐไทยก็จะเปลี่ยนกฎหมายไปสู่การให้สิทธิ ให้คนท้องถิ่นได้กำหนดว่า เขาจะเอาอนาคตของตนเองว่าจะอย่างไร ไม่ได้หมายถึงว่าเขาเองจะไปล้มล้างรัฐธรรมนูญอะไร สิ่งนี้เทียบเคียงไม่ได้เลยที่ทหารทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญประเทศนี้ ซึ่งมันผิดกฎหมายเป็นกบฏชัดเจน เทียบเคียงไม่ได้เลย”
ประธานยุทธศาสตร์ The Patani กล่าวอีกว่า “ขอติเตียน นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม คุณมีชื่อเสียงถูกเชิญจากพรรครัฐบาล เพราะประเด็นปาตานี อย่าลืมว่าพรรคเป็นธรรมเคยพูดคุยกับคนที่นี่อย่างไร พรรคเป็นธรรมเคยพูดคุยค่อนข้างชัดเจน ถ้าจำกันได้วงเสวนาที่คีรีเขต (อยู่ใน จ.ยะลา) เคยพูดคุยเรื่องประชามติเอกราชด้วยซ้ำไป จนได้ไปออกรายการต่างๆ เพราะประเด็นปาตานี
พรรคก้าวไกลเชิญคุณมาร่วมรัฐบาล เพราะมองว่าคุณคือตัวจริงของประเด็นปาตานี นี่ไม่นับรวม ‘กลุ่มปาตานีบารู’ ที่ทำงานหนักมาตลอด ทำให้พรรคเป็นธรรมเป็นรู้จักของคนที่นี่ และเป็นที่นับหน้าถือตา จนมองว่าเป็นพรรคของคนปาตานี โดยคนปาตานี เพื่อปาตานี มันคนละประเด็นว่าสนับสนุนเอกราชหรือไม่ พร้อมขอติเตียนหัวหน้าพรรคเป็นธรรมด้วยที่ออกมาพูดเชิงต้องการขับไล่กลุ่มคนที่มีแนวคิดแปลกแยกออกจากพรรค รวมทั้งก่อนหน้านี้ยังติเตียนว่าที่ ส.ส.พรรคประชาชาติ อีกด้วย”
@@ รับไม่ได้หัวหน้าพรรคเป็นธรรมใส่ร้ายนักศึกษา
ขณะที่ นายยามารุดดิน ทรงศิริ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเป็นธรรม และรองโฆษกพรรคเป็นธรรม ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัวถึง ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม สรุปว่า นายปิติพงศ์ไม่เข้าใจกิจกรรมที่จัดขึ้น ขอแนะนำให้ตั้งสติและอ่านข้อความในบัตรประชามติว่า มีเนื้อความว่าอย่างไร ดังนั้นการโพสต์ของพรรคเป็นธรรมคือการใส่ร้ายน้องๆ นักศึกษา
“เรื่องใหญ่นะครับ คุณใส่ร้ายคนอื่นว่าทำประชามติแบ่งแยกดินแดน พฤติกรรมแบบนี้ไม่เป็นธรรมเหมือนชื่อพรรคนะ”
พร้อมกันนี้ นายยามารุดดิน ได้โพสต์ตั้งคำถามถึงการจัดกิจกรรมของนักศึกษาว่า ผิดหลักการประชาธิปไตยที่ นายปิติพงศ์และพรรคเป็นธรรมยึดถืออย่างไร สมมุติถ้าอีก 50 ปีข้างหน้าจะมีการทำประชามติเอกราชจริงๆ คำถามคือ การทำประชามติโดยตัวเองคือกระบวนการประชาธิปไตยใช่หรือไม่ และมันคือแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธีใช่หรือไม่?
“คำถามของผมคือการทำประชามติ ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยอย่างไร ยกเว้นคุณจะยืนยันว่า ไม่ผิดหลักประชาธิปไตย แต่การทำประชามติเอกราชผิดกฎหมาย อันนี้ก็แล้วไป”
นายยามารุดดิน กล่าวด้วยว่า ตนยอมร่วมงานกับพรรคเป็นธรรม เพราะพรรคเสนอตัวเข้ามาแก้ปัญหาปาตานี และเป็นธรรมเป็นพรรคการเมืองฟังเสียงประชาชนทุกฝ่าย ต้องใจกว้างรับฟังความต้องการของคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่ยังไม่ฟังอะไรเลยเเต่ไปตัดสินเขาแล้ว
นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้พรรคเป็นธรรม หรือ FAIR Party และ ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ ลบโพสต์แถลงการณ์ดังกล่าวและออกมาขอโทษน้องๆ นักศึกษาที่จัดงานวันนั้น ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิดต่อกิจกรรมครั้งนี้
@@ “ฮากิม” ถามหาคนรับผิดชอบโยนบาปเยาวชน
ด้าน นายฮากิม พงติกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในวิทยากรที่ไปร่วมเวทีเสวนา ได้ไปแสดงความคิดเห็น (คอมเมนต์) ในโพสต์แถลงการณ์ของพรรคเป็นธรรมว่า “ผมอยากขอโทษนักศึกษาที่พรรคไม่ยอมปลดโพสต์หมิ่น ผลักนักศึกษาส่อกระทำผิดกฎหมาย ขัดเจตนารมณ์ของงาน ต้องมีคนรับผิดชอบเรื่องนี้”