"ธนาธร" ลุยชายแดนภาคใต้ ขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง พร้อมเปิดตัวผู้สมัครพรรคก้าวไกล สร้างคุณค่าด้วยการเมืองแบบไม่ซื้อเสียง “รอมฎอน ปันจอร์” ลั่นคนเท่ากัน “นายกฯประเทศไทย” ต้อง “ทิม พิธา” คนเดียวเท่านั้น ด้าน “ลุตฟี หะยีอีแต” ผู้สมัคร เขต 1 นราธิวาส ภูมิใจไทย บุกตลาดเช้า ชูแก้ปัญหาปากท้องเป็นอันดับแรก
วันจันทร์ที่ 1 พ.ค.66 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคก้าวไกลในเขต จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา โดยในช่วงเช้าได้ขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเมืองปัตตานี จากนั้นไปร่วมหาเสียงให้ผู้สมัครที่ลานข้างโรงเรียนเบญจมราชูทิศปัตตานี โดยมีฐานเสียงหลากหลายวัยให้การต้อนรับกว่า 300 คน
จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางไปหาเสียงต่อที่สถานีรถไฟรามัน โกตาบารู และแห่รถรอบเมืองยะลา ในช่วงเย็นมีเวทีเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ชายแดนใต้ บริเวณสนามช้างเผือก จ.ยะลา ได้แก่ ผู้สมัครเขต 1 ปัตตานี นายชาญชัย ศรีสุด เบอร์ 10 และเขต 2 ปัตตานี นายอับดุลเราะมาน สายาตะ เบอร์ 1
"เขากล่าวหาว่าผมชังชาติ สำหรับผม ชาติคือประชาชน ซึ่งผมรักชาติไม่แพ้ใครเลย ผมต้องถามว่าคนไทยคือใคร หน้าตา ท่าทางเป็นอย่างไร พวกคุณก็คือคนไทยเท่ากัน" นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการปราศรัย โดยหยิบยกวาทกรรมที่เขามองว่าเป็นการโจมตีเขาขึ้นมาทำความเข้าใจ และว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างประเทศที่ดี ต้องไม่บังคับ ข่มขู่ และต้องเชิดชูความแตกต่างหลากหลาย
"คน 60 กว่าล้านไม่มีทางที่ทุกคนจะมีความศรัทธาหรือมีความคิดเหมือนกัน ต้องมีการรับประกันว่า ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน อยากได้สังคมแบบนี้ ทางเลือกเดียวคือต้องผลักดันให้เกิดให้ได้คือ พรรคก้าวไกล"
ประธานคณะก้าวหน้า ยังกล่าวถึงวิธีการทำงานการเมืองของพรรคก้าวไกลที่แตกต่างจากพรรคอื่นว่า ถ้าอยากได้เสียงก็ไปหากำนันหรือผู้ใหญ่บ้านแล้ว แต่วิธีการแบบนั้นสร้างคุณค่าร่วมกันไม่ได้ อยากเห็นคุณค่าต้องทำแบบนี้ ลองดูว่าการเมืองแบบที่เราเริ่มต้นด้วยการไม่ซื้อเสียงจะเป็นไปได้หรือไม่
“อนาคตลูกหลานจะเป็นอย่างไร ท่านเลือกเอง พวกเราจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง" นายธนาธร กล่าว
@@ “รอมฎอน” บอกนายกฯประเทศไทยต้อง “พิธา” เท่านั้น
ด้านนายรอมฎอน ปันจอร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 22 ของพรรคก้าวไกล กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยน
"นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ที่ชายแดนใต้ และปัตตานีไม่เคยมี เราไม่เคยเจอการมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบนี้มาก่อน เราได้มองตากัน ตั้งใจให้เป็นเวทีธรรมชาติแบบนี้ เราต้องการสปิริต ผู้เล่นแบบนี้ ต้องการยืนกรานว่าไม่ซื้อเสียง เพราะทุกคนเท่ากัน หลักการนี้สำคัญจริงๆ ต่อการกำหนดอนาคต ไม่ว่าความขัดแย้งที่มีมาจะนานเท่าไหร่ แต่โลกสมัยใหม่ ฉันทามติของทุกคนคือสิ่งสำคัญ ต้องมาจากเสียงของทุกคน ต้องหาข้อยุติได้ มีแต่ก้าวไกลที่จะนำเสนอในระบบรัฐสภาของไทย นายกรัฐมนตรี ต้องชื่อ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เท่านั้น” นายรอมฎอน กล่าว
และว่า “ถ้าเสียงของท่านถูกดูถูกดูแคลนว่าซื้อได้ อนาคตของที่นี่ ลูกหลานจะถูกบืดเบือนไปขนาดไหน ขอให้เดินไปกับเรา แค่กาคงไม่พอ ไม่ต้องรอวันที่ 14 ก็เปลี่ยนแปลงปัตตานี ยะลา และนราธิวาสได้ บอกทุกคนว่า กาก้าวไกลประเทศไทยและปัตตานีไม่เหมือนเดิม"
@@ “ลุตฟี หะยีอีแต” ลุยหาเสียงตลาดเช้านราฯ ชูแก้ปัญหาปากท้อง
เช้าตรู่วันเดียวกันนี้ นายลุตฟี หะยีอีแต ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ( อ.เมือง ,ยี่งอ) จ.นราธิวาส เบอร์ 7 จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเบอร์พรรคก็เบอร์ 7 ลงพื้นที่หาเสียงพร้อมลูกทีม ลุยตลาดสดเช้าเทศบาลเมืองนราธิวาส โดยได้พบปะพูดคุยกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเกือบจะทุกแผงทั่วตลาด พร้อมแจกบัตรแนะนำตัว ขอโอกาสเป็นตัวแทนของประชาชนชาวนราธิวาส เขต 1 เพื่อจะได้เป็นกระบอกเสียงในการนำปัญหาในพื้นที่ จ.นราธิวาส เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยย้ำว่าขอเป็นมิติใหม่ของการเปลี่ยนแปลง “นราธิวาสบ้านเรา”
นายลุตฟี กล่าวว่า หากได้รับเลือกเป็น ส.ส. จะแก้ปัญหาเริ่มต้นจากปัญหาปากท้อง เพราะสำคัญที่สุด พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม พรรคภูมิใจไทยก็มีนโยบายที่จะประกันราคาสินค้าทางเกษตรควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของพรรค
“ ถ้าเรามีตัวแทนของเรา ส.ส.นราธิวาส เราก็จะนำนโยบายและส่งเสริมการกีฬาภายใน จ.นราธิวาส อย่างกีฬาฟุตบอลเป็นที่ชื่นชอบของเยาวชนเป็นอย่างมาก รวมถึงจะส่งเสริมการกีฬาทุกประเภทและส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นราธิวาสมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งน้ำตกและทะเล แต่ว่าขาดการส่งเสริมการท่องเที่ยว คิดว่าจะต้องเข้ามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนา เชิญชวนพี่น้องชาวมาเลเซียมาท่องเที่ยวในประเทศไทย หากว่าได้รับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างถูกต้อง การท่องเที่ยวจะดียิ่งขึ้นเป็นลำดับ สามารถที่จะเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องชาวนราธิวาส” นายลุตฟี กล่าว
สำหรับ นายลุตฟี หะยีอีแต จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร, ปริญญาโท 2 ใบ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบาเจาะ อดีตประธานสันนิบาตเทศบาลจังหวัดนราธิวาส และอดีตรองประธานสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกสโมสรโรตารี นราธิวาส อีกด้วย