พลันที่ อันวาร์ สาและ อดีต ส.ส.เขต 1 ปัตตานี 4 สมัย รวมถึงสมัยล่าสุดในการเลือกตั้งปี 62 ย้ายเขต ไปลงสมัครเขต 5 ทำให้พื้นที่เขต 1 ไม่มีแชมป์เก่า หรือเจ้าของพื้นที่เดิม
โอกาสจึงเปิดกว้างสำหรับผู้สมัคร ส.ส.จากทุกพรรค
และสปอตไลต์จึงฉายฉับไปที่ สนิท นาแว ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 เข้าป้ายเป็นอันดับ 3 ของเขต 1 ทั้งๆ ที่ลงสมัครกับพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งไม่มีฐานเสียงชัดเจนที่ปลายด้ามขวาน
สนิท ได้มา 13,614 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 14.12 ตามหลัง ผศ.วรวิทย์ บารู จากพรรคประชาชาติ ที่ได้ 15,233 คะแนน ห่างกันเพียง 1,619 คะแนนเท่านั้น ทั้งๆ ที่พรรคประชาชาติกระแสดี และเป็นแชมป์ชายแดนได้ กวาด ส.ส.เขตได้ถึง 6 เขตจากทั้งหมด 11 เขต
ขณะเดียวกัน สนิทก็ตามหลังผู้ชนะคือ อันวาร์ สาและ ที่ได้ 19,833 คะแนน อยู่เพียง 6,269 คะแนน ทั้งๆ ที่อันวาร์มีทั้งคะแนนส่วนตัว และคะแนนพรรคที่หนาแน่นอย่างยิ่งในเขตเมืองปัตตานี และกลุ่มข้าราชการ กับคนไทยพุทธ คนไทยเชื้อสายจีน
เมื่อไม่มีอันวาร์ สนิทจึงต้องลุ้นกับ อาจารย์วรวิทย์ ซึ่งไม่ใช่โจทย์ยากมากเท่าอันวาร์ และสนิทยังย้ายมาอยู่ประชาธิปัตย์ ซึ่งมีฐานเสียงแน่นอนในเขตเมืองปัตตานี ทำให้เที่ยวนี้เขามีลุ้นเป็น ส.ส.สมัยแรก
แม้จะยังมี “หมอเพชรดาว” เพชรดาว โต๊ะมีนา ทายาทของ เด่น โต๊ะมีนา จากพรรคภูมิใจไทย ลูกหลานหะยีสุหลง เป็นคู่แข่งสำคัญอีกคน แต่หมอเพชรดาวและพรรคภูมิใจไทยก็ดูจะสะบักสะบอมไม่น้อยกับกระแสโจมตีที่เกิดขึ้นในพื้นที่
นาทีนี้จึงไม่ใช่แค่คอการเมือง และแกนนำประชาธิปัตย์ระดับ ผอ.เลือกตั้งของพรรคอย่าง นิพนธ์ บุญญามณี เท่านั้นที่มั่นใจ แต่ตัวของ สนิท เองก็เต็มร้อยเป็นอย่างยิ่ง
“มีโอกาสสูงที่ผมจะปักธงได้แน่นอน ตอนนี้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เพราะพรรคดี ตัวบุคคลเด่น” นี่คือความมั่นใจของสนิท
เหตุผลของเขาก็คือ...”ประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ เป็นสถาบันการเมืองของประชาชน ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เวลาลงพื้นที่ชาวบ้านให้การตอบรับอย่างดี ความเหนียวแน่นที่ประชาชนมีต่อประชาธิปัตย์ยังไม่เสื่อมคลายลง ประกอบกับนโยบายที่จับต้องได้ของพรรค นโยบายที่ชาวบ้านต้องการ ทำให้กระแสตอบรับดีมาก”
เขาออกตัวด้วยว่า ที่พูดแบบนี้ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง
“เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์กระแสดีในตอนนี้ เพราะเป็นพรรคเก่าแก่ เป็นสถาบันการเมืองของประชาชน การเลือกตั้งในพื้นที่ชายแดนใต้ ปัจจัยอยู่ที่ตัวบุคคลที่สมัครด้วย ถ้าพรรคดี ตัวบุคคลไม่เอาไหน กระแสอาจจะไม่มี แต่ที่เขต 1 ตรงกันข้าม สำหรับเวลาที่เหลือจะพยายามอย่างเต็มที่”
สนิท ยังวิเคราะห์พื้นที่เขต 1 ที่ตนเองต้องสู้ศึกว่า แม้จะตัด อ.ยะหริ่ง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนไปอยู่เขต 5 (อันวาร์ก็ย้ายไปเขต 5 ด้วยเหตุผลนี้) ก็ไม่ได้ทำให้ตนเสียเปรียบอะไรเลยและไม่ได้น้อยใจที่ถูกตัดไปทั้งอำเภอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาบนเส้นทางการเมืองท้องถิ่น ได้คลุกตัวอยู่ชาวบ้าน กินอยู่กับชาวบ้านตลอด ช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด
“ที่สำคัญผมได้ทำสัญญาใจกับชาวบ้านด้วยว่าเราจะไม่ทิ้งกัน เพราะแบบนี้ชาวบ้านจึงต้องการ และทำให้กระแสดีมากในตอนนี้ คู่แข่งเขต 1 ปัตตานี มีอยู่ 4-5 คนที่เด่นๆ แต่ไม่กลัว เพราะตั้งใจตั้งแต่ต้นแล้วว่าลง ส.ส.เพื่อต้องการชนะคู่แข่งและไม่อ่อนแอ คู่แข่งมีทั้งประชาชาติ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และเพื่อไทย นอกนั้นก็จำชื่อพรรคไม่ได้ แต่สำหรับประชาธิปัตย์เขต 1 ปัตตานี ไม่น่าจะมีปัญหา รวมถึงทุกคน 5 เขต จะสามารถปักธงได้แน่นอน”
สนิท ยังบอกด้วยว่า การเป็นแชมป์เขต 1 ของอันวาร์ตลอด 4 สมัยที่ผ่านมานั้น เป็นเพราะพรรคมากกว่าตัวบุคคล พรรคดี ส.ส.มีแสง ทุกอย่างก็ครองใจประชาชนได้
“พรรคประชาธิปัตย์ดูแลสตรี อสม. สมัยท่านชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ดูแลมาตลอด เด็กเล็กมีนมกินฟรีทุกวันทั้งปี และยังมีนโยบายใหม่ให้เรียนฟรีถึงปริญญาตรีด้วย นอกจากนี้ยังมีนโยบาย สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ นโยบายประมง นโยบายผู้สูงอายุ และนโยบายการสร้างสันติภาพในพื้นที่ ประชาชนตอบรับดีมาก” สนิท กล่าวย้ำ
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกที่เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี ครบทั้ง 5 เขตก่อนพรรคอื่น ประกอบด้วย เขต 1 นายสนิท นาแว เขต 2 นายมนตรี ดอเลาะ เขต 3 ดร.ยูนัยดี วาบา เขต 4 ส.อ.สุริยา กูทา และ เขต 5 นายคอเลฟ เจ๊ะนา
เลือกตั้งปี 62 พรรคประชาธิปัตย์เสียหน้าอย่างยิ่ง เพราะได้เพียง 1 เก้าอี้จาก 11 เก้าอี้ในพื้นที่ชายแดนใต้ ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งในห้วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พรรคได้ ส.ส. 80-90% มาโดยตลอด
เลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ พรรคจึงหวังแก้มือและหนึ่งในเขตที่ลุ้นสุดตัวก็คือ เขต 1 ปัตตานี ของ สนิท นาแว!