ในที่สุด ปาตีเมาะ มีเด็ง แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 34 ปีก็เสียชีวิตลง...
แม้ผู้บริหาร สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะเคลียร์ปัญหาให้เธอและครอบครัว หลังเข้ารับการผ่าตัดโรคลิ้นหัวใจรั่ว และมีค่าใช้จ่ายร่วมแสนบาท ทำให้ลูกๆ และหลานต้องน้ำตาตกเพราะไม่มีเงินจ่าย ทั้งๆ ที่ใช้สิทธิบัตรทอง
แต่ผู้บริหาร สปสช.ชี้แจงว่าโรคนี้อยู่ในสิทธิประกันสุขภาพของรัฐ เพียงแต่มีการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ซึ่งทางโรงพยาบาลศูนย์ยะลาต้องเบิกเอากับ สปสช. ไม่ใช่เก็บจากคนไข้
ข่าวดีมาก่อนข่าวร้ายเพียงไม่กี่วัน เพราะสุดท้ายเธอก็จากไป สุดที่แพทย์จะยื้อชีวิตเอาไว้ได้
ปาตีเมาะ เข้ารับการผ่าตัดเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 และมีอาการแทรกซ้อนจนต้องผ่าตัดซ้ำ รวมทั้งใช้เครื่องมือพิเศษ ชื่อว่า “เอคโม่” (ECMO เครื่องมือที่ใช้พยุงปอดและหัวใจของผู้ป่วยอาการวิกฤติ มีหน้าที่เพิ่มระดับออกซิเจนและลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระแสเลือดจากภายนอกร่างกาย เพื่อช่วยผู้ป่วยที่ปอดและหัวใจไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ตามปกติ)
แต่แม้จะใช้เครื่องมือพิเศษ ทว่าอาการของ ปาตีเมาะ ก็ทรุดลงทุกวัน
นูรไอนี สุหลง หลานสาววัย 21 ปีที่เฝ้าอาการอยู่ตลอด แจ้งเรื่องนี้กับ “ทีมข่าวอิศรา” ซึ่งช่วยเสนอข่าวของปาตีเมาะ และความเดือดร้อนของครอบครัวเธอที่เกือบจะต้องเป็นหนี้นับแสนบาท
หลังกลับคืนสู่อัลลอฮ์ ครอบครัวได้รับศพ ปาตีเมาะ ไปทำพิธีฝังที่สุสานในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา
เรื่องราวชีวิตของปาตีเมาะ ช่างสะท้อนใจทุกคนที่ได้รับรู้ พ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตหมดแล้ว เธออยู่กินฉันท์สามีภรรยากับชายที่เธอรัก มีลูกด้วยกัน 3 คน แต่เขาก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเพราะคดียาเสพติด ทำให้เธอต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกๆ เพียงคนเดียว รวมทั้งหลานที่มาอยู่ร่วมชายคาด้วย
ปาตีเมาะทำงานหนัก มีฝีมือด้านการทำขนมขาย ก็ลงมือทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้มีเงินพอส่งลูกๆ เรียนที่โรงเรียน และส่งหลานสาวศึกษาต่อสายอาชีพ
กระทั่งเธอป่วยหนักด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว จนขายขนมต่อไปไม่ไหว ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลยะลา ทุกคนในครอบครัวจึงได้รับผลกระทบ ลูกๆ ไม่มีแม้แต่เงินไปโรงเรียน หนำซ้ำยังเจอข่าวร้าย เกือบจะโดนคิดค่ารักษาพยาบาลร่วมแสนบาท แม้สุดท้ายจะไม่ต้องจ่าย แต่เธอก็ต้องจากโลกนี้ไป
การจากไปของเธอทำให้คนในชุมชนที่รู้จักเธอดีพากันเศร้าเสียใจ...
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ทราบเรื่องจากการติดตามข่าวทางศูนย์ข่าวอิศรา จึงได้ประสานงานกับทางเรือนจำ ขอให้เจ้าหน้าที่พาตัวสามีของปาตีเมาะไปร่วมพิธีศพ เพื่ออำลาภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย
เรือนจำอนุญาตตามคำขอ ทำให้สามีได้ไปลาปาตีเมาะ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสะเทือนใจ หลายคนถึงกับน้ำตาไหล ขณะที่ลูกๆ ทั้ง 3 คนที่ยังเล็ก รวมทั้งหลานยังไม่มีผู้ดูแล
นูรไอนี สุหลง หลานสาวที่อยู่กับปาตีเมาะจนวาระสุดท้าย เล่าว่า ทุกคนเสียใจ เรารักน้า ทุกคนรักน้า แต่อัลลอฮ์รักน้ายิ่งกว่า ก็ต้องขอบคุณ พ.ต.อ.ทวี ที่ช่วยให้สามีของน้าได้กลับมาดูศพเป็นครั้งสุดท้าย น้องๆ ร้องไห้ดีใจที่ได้เจอพ่อ และเสียใจที่แม่จากไป
“หลังจากนี้พวกเราก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ทราบว่าทางศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ จะร่วมประชุมกับผู้นำและชาวบ้านในพื้นที่ถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ช่วย ขอบคุณเนชั่นทีวีและศูนย์ข่าวอิศราที่เสนอข่าว ทำให้มีคนบริจาคเงินให้หมื่นกว่าบาทในบัญชีของน้า พวกเราจะนำเงินนี้มาเป็นทุนการศึกษาให้หลานๆ” นูรไอนี บอก
หนึ่งชีวิตต้องจากไป แต่อีกหลายชีวิตยังต้องสู้ต่อ คือสัจธรรมแห่งโลกที่หมุนเวียนและทุกคนต้องยอมรับมัน...