กองทัพภาค 4 แจงเหตุทุจริตยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เผยหลังผู้ต้องหาฆ่าตัวตายหนีความผิด คดีถูกส่งต่อไป ปปง.หาผู้เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งทนายสืบทรัพย์คืน หวังบรรเทาความเดือดร้อนให้กำลังพลที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ด้านแม่ทัพสั่งตรวจทุกสหกรณ์ในสังกัดหวั่นซ้ำรอย
ตามที่ได้มีการร้องเรียนผ่านโซเซียลมีเดียถึงกรณีการทุจริตยักยอกเงินในสหกรณ์ออมทรัพย์ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นค่ายทหารใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการทุจริตส่งผลกระทบต่อกำลังพลซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์จำนวนมาก ดังปรากฎเป็นข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.66 พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และโฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ภายหลังทราบเหตุ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่ 46 เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน สรุปได้ดังนี้
จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการทุจริตโดยเจ้าหน้าที่บัญชีของสหกรณ์ ด้วยการยักยอกเงินสด ซึ่งสมาชิกมาฝากโดยไม่ได้เข้าบัญชีสหกรณ์ แล้วใช้วิธีตกแต่งบัญชีสร้างหลักฐานเท็จต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี จนเมื่อเดือน พ.ค.65 ทางสหกรณ์ได้ตรวจพบความผิดปกติจากยอดเงินไม่ตรงกับบัญชีที่ได้ถูกจัดทำขึ้น จึงได้ตรวจสอบ และพนักงานบัญชีได้ยอมรับสารภาพว่า ได้กระทำการทุจริตจริง เพื่อนำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 62 ล้านบาท
ในการนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ค่ายอิงคยุทธบริหาร จึงได้ไปแจ้งความจำเนินคดีที่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และได้รับการประกันตัวออกไปเพื่อรอรับการดำเนินคดี และต่อมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.65 ผู้ต้องหาได้ฆ่าตัวตายที่บ้านส่วนตัวในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เพื่อหนีความผิด เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองจิก ต้องจำหน่ายคดีสิ้นสุดทางอาญาด้วยเหตุผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อเข้าตรวจสอบคดีทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยการตรวจสอบความเสียหายและพฤติกรรมอันเกี่ยวเนื่องจากความผิด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเจ้าพนักงานบังคับใช้กฎหมายต่อไป
ในขณะเดียวกันสหกรณ์ออมทรัพย์ค่ายอิงคยุทธบริหารได้แต่งตั้งทนายความเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี ในการขอติดตามทวงถามทรัพย์สินคืน รวมทั้งได้จัดทำแผนฟื้นฟูทรัพย์สินความเสียหายและเงินทุนหมุนเวียน พร้อมรายงานต่อสหกรณ์จังหวัดปัตตานี เพื่อเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล โดยหน่วยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการบริหารจัดการภายในสหกรณ์ก็ตาม แต่เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ทางกองทัพภาคที่ 4 ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่ 46 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อคลี่คลายปัญหา พร้อมตั้งคณะทำงานติดตามเร่งรัดการดำเนินการทางกฎหมายต่อการรับผิดทางคดี และติดตามค่าเสียหายทางแพ่งที่เกิดขึ้น ตลอดจนติดตามการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูสหกรณ์ออมทรัพย์ค่ายอิงคยุทธบริหาร เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้สั่งการให้ทุกค่ายทหารแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าติดตามตรวจสอบการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์ค่ายทหาร และการออมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ ภายในหน่วยทหาร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้ โดยหากมีการตรวจพบการกระทำความผิดของกำลังพลในสังกัดกองทัพภาคที่ 4 ก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงการดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะดำเนินการทางวินัยตามลักษณะฐานความผิดขั้นเด็ดขาดต่อไป