เปิดไทม์ไลน์ทำความเข้าใจครอบครัว “ยาห์รี ดือเลาะ” ขอขุดศพพิสูจน์ เหตุพบหลักฐานยืนยันไม่ใช่ศพปริศนามีร่องรอยถูกทำร้ายที่พบลอยในแม่น้ำสุไหงโก-ลก แต่สุดท้ายเจอดราม่า ญาติและมวลชนไม่ยินยอม สุดท้ายแม่ทัพสั่งถอย เปรยควรคิดถึงญาติตัวจริงของศพปริศนาที่อาจตามหาผู้ตายอยู่
กรณี นายยาห์รี ดือเลาะ ชาว ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส หายตัวไปอย่างเป็นปริศนายังไม่จบ เพราะการพบศพคนถูกทำร้ายเสียชีวิต ลอยอยู่ในแม่น้ำสุไหงโก-ลก เมื่อปลายเดือน ก.ย.65 แม้ญาติจะยืนยันว่าเป็นนายยาห์รี แต่เจ้าหน้าที่กลับมีข้อมูลอีกด้าน ล่าสุดผ่านมากว่า 2 เดือน มีความพยายามขุดศพขึ้นมาพิสูจน์ แต่ถูกญาติขัดขวาง จนเกือบกลายเป็นดราม่าน้ำผึ้งหยดเดียว
ข้อมูลเกี่ยวกับนายยาห์รี ถูกอ้างจากสื่อท้องถิ่นบางส่วนและนักเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางรายว่า เขาถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ดักอุ้มขึ้นรถ ขณะทำงานอยู่ฝั่งมาเลเซีย และหายตัวไป ไม่มีใครติดต่อได้ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 ก.ย.65 โดยมีการกล่าวอ้างว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุ เป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของไทย
ต่อมาวันที่ 28 ก.ย. มีผู้พบศพชายนิรนามในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งคั่นระหว่างพรมแดนไทยกับมาเลเซีย จึงมีการนำศพขึ้นมาพิสูจน์ทราบที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โดย นางนูไรนิง ดือรอแม ภรรยาของ นายยาห์รี ดือเลาะ และญาติยืนยันว่าเป็นศพของนายยาห์รีจริง จึงรับไปทำพิธีทางศาสนาอิสลาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ยืนยันศพดังกล่าวไม่ใช่นายยาห์รี โดยขณะนั้นมีการพยายามเผยแพร่ข่าวในพื้นที่ว่า เป็นปฏิบัติการของฝ่ายรัฐเพื่ออุ้มฆ่าคนของขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งฝ่ายบีอาร์เอ็นก็ออกมารับลูก แต่ฝ่ายความมั่นคงไทยปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง และย้ำว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปปฏิบัติการในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน
ต่อมาช่วงต้นเดือน ต.ค.65 เพจเฟซบุ๊กของฝั่งเจ้าหน้าที่ ได้โพสต์เอกสารหลักฐานผลการชันสูตรศพชายนิรนามที่พบในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ปรากฏว่าผลการตรวจลายนิ้วมือของศพไม่ตรงกับลายนิ้วมือของนายยาห์รี ดือเลาะ โดยเป็นผลตรวจที่ตรงกันถึง 2 หน่วยงาน คือกองทะเบียนประวัติอาชญากร และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10
กระทั่งวันที่ 8 ธ.ค.65 พ.ต.ท.สุริยา แป้นเกิด รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ ได้ร่วมประชุมกับคณะทำงาน เพื่อเตรียมขุดศพนิรนามขึ้นมาพิสูจน์ว่าเป็นใครกันแน่
วันที่ 10 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปบริเวณกุโบร์ (สุสาน) ปาฮงกือปัส ถนนปอฮงกือปัส-เกาะตา ชุมชนต้นไม้สูง ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พร้อมทีมแพทย์นิติเวช เพื่อขุดศพชายนิรนามขึ้นมาตรวจพิสูจน์อีกครั้ง แต่ชาวบ้านและครอบครัวไม่ยอม ออกมารวมตัวคัดค้านจนเกือบเกิดความวุ่นวาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องถอนกำลังกลับไป
@@ แม่ทัพสั่งเบรก แต่งงครอบครัวจะเก็บศพไว้ทำไม
พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตามผลการตรวจลายนิวมือ ผู้ตายไม่ใช่ นายยาห์รี แน่นอน จึงต้องขุดศพขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นศพของใคร ทางการจะได้ทราบและตามหาญาติต่อไป ใครสูญหายไปจากบ้าน จะได้มาตรวจสอบดู
“เราไปดำเนินการตามกฎหมายแล้วเขาไม่ให้ขุด ก็ไม่เป็นไร เราก็ไม่ขุด เพราะเราถือว่าเราได้ทำตามกฎหมาย เนื่องจากหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าศพนี้ไม่ใช่นายยาห์รี ยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ ทางฝ่าย ปกครองเขาก็ยืนยัน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร (ครอบครัวที่คัดค้าน) เพราะไม่ใช่สามีเขา ไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บศพไว้ทำไม”
“ตามกฎหมายเราต้องนำศพขึ้นมาตรวจสอบว่าเป็นศพของใคร เผื่อญาติเขากำลังตามหา ถ้าศพนี้เป็นศพของญาติเขา เขาจะคิดอย่างไร เราต้องมองหลายมุม แต่เมื่อเขาไม่ยอมให้ขุดเราก็ไม่ขุด ไม่เป็นไรเราก็ไม่อยากไปทำลายมวลชนเปล่าๆ อยากให้ประชาชนรู้เองว่าทำไม เขารู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ แต่เขาต้องการศพนั้นเพื่ออะไร” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า “เราไม่ยอมให้ขุด ฝังไปแล้วก็จบได้แล้ว”
ขณะที่ตำรวจระดับสูงในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า ถ้าไม่ให้ขุด เรื่องก็จบ การจะทำอะไรควรจะร่วมกันทำ
@@ ผกก.สุไหงโก-ลก แจงไทม์ไลน์ละเอียดยิบ
พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก (ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก) ได้ไล่เรียงไทม์ไลน์ของเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ภายหลังพบศพชายนิรนามในแม่น้ำสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 28-29 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก ได้เก็บหลักฐานลายนิ้วมือไปตรวจสอบ และแพทย์เก็บชิ้นเนื้อจากศพไปตรวจหาดีเอ็นเอ แต่ชิ้นเนื้อมีสภาพเน่าเปื่อย ไม่สามารถตรวจหาดีเอ็นเอได้ จึงเตรียมเก็บชิ้นส่วนเนื้อเยื่อจากไขกระดูกไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
แต่ช่วงเวลานั้นได้มีญาติของนายยาห์รีย์ ดือเลาะ ออกมาแสดงตัวพร้อมทั้งยืนยันว่า ศพชายนิรนามดังกล่าว ป็นศพของนายยาห์รี ดือเลาะ และต้องการนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งตามหลักศาสนาอิสลาม ต้องทำพิธีฝังภายใน 24 ชั่วโมงหลังพบศพ
ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหลักฐานลายนิ้วมือศพ ไปเทียบกับลายนิ้วมือจากประวัติการทำบัตรประชาชนของนายยาห์รี ปรากฏว่าข้อมูลไม่ตรงกัน ประเด็นนี้ในทางกฎหมายหากพบว่าบุคคลที่เสียชีวิตมีข้อมูลไม่ตรงกับที่ญาติกล่าวอ้าง ก็ต้องดำเนินการตรวจพิสูจน์จนสิ้นสงสัย อีกทั้งเมื่อมีญาติของบุคคลใดแจ้งบุคคลสูญหาย จะได้เปรียบเทียบผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ หรือตรวจยืนยันเอกลักษณ์บุคคล เพื่อเป็นหลักฐานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างศพกับเครือญาติได้อย่างถูกต้องตามสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองไทย
@@ เผยเชิญครอบครัว ญาติ ผู้นำศาสนามาอธิบายแล้ว
ทั้งนี้จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ปรากฎ เมื่อชายนิรนามดังกล่าวมีข้อมูลบุคคลไม่ตรงกับนายยาห์รี ดือเลาะ จึงได้เชิญญาติของนายยาร์รี ดือเลาะ และผู้นำศาสนา มาร่วมรับฟังการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องขุดศพชายนิรนามขึ้นมาพิสูจน์ตัวตนตามกฎหมาย โดยนำหลักฐานการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายและเอกสารของสำนักจุฬาราชมนตรี ระบุว่า หากเป็นไปตามกฎหมายและยังมีข้อสงสัยที่จำเป็นต้องสืบหาข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขุดศพมาตรวจพิสูจน์ได้ แม้ญาติที่กล่าวอ้างความสัมพันธ์จะไม่ยินยอม โดย พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เป็นประธาน
@@ ย้ำไม่มีเจตนาลบหลู่ผู้เสียชีวิต - ไร้หลักฐานโยงป่วนใต้
สิ่งสำคัญในเจตนาที่จะขุดศพมาตรวจยืนยันตัวบุคคล คือ ต้องการดีเอ็นเอจากไขกระดูกไปเป็นหลักฐานสำหรับการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ชายนิรนามดังกล่าวเป็นผู้ใด มีใครมาแจ้งความคนหายไว้บ้าง เพื่อจะได้ทำการพิสูจน์ทราบและให้ญาติที่แท้จริงนำไปประกอบพิธีทางศาสนาอย่างถูกต้อง ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ผู้เสียชีวิตหรือญาติ อีกทั้งข้อมูลเบื้องต้นที่ปรากฏยังไม่พบว่าชายนิรนามคนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับผู้ก่อความไม่สงบในคดีใดๆ ดังนั้นจึงขอให้ยึดเฉพาะหลักการที่ต้องการให้ศพชายนิรนามได้มีการตรวจสอบ เพื่อให้ญาติที่แท้จริงได้รับทราบและนำไปประกอบพิธีทางศาสนาอย่างถูกต้องเท่านั้น
ทั้งนี้ ตามแผนที่วางไว้จะทำการขุดศพภายในวันที่ 10 ธ.ค.65 แต่มีญาติและมวลชนส่วนหนึ่งไม่ยินยอมให้ขุดศพไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง จึงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจภูธรภาค 9 อีกครั้ง
สำหรับนายยาห์รี ดือเลาะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ใช่ศพนิรนาม ตามประวัติเป็นบุคคลตามหมายจับในคดีความมั่นคง 3 หมาย คือ คดีวางเพลิงและปล้นรถยนต์หลบหนี เมื่อวันที่ 25 ก.พ.60 เหตุเกิดที่ อบต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส, คดียิงคนหาของป่าบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.60 ที่ ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และคดียิงตำรวจเสียชีวิต เมื่อวันที่ 4 เม.ย.61 ที่ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี โดยในคดีสุดท้าย มีการถอนหมายจับออกไป และที่ผ่านมาได้หลบหนีเข้าไปพำนักในประเทศมาเลเซีย