ผู้ปกครอง รด.ทรุดหนักจากการฝึก ถึงขั้นมีภาวะไตวายเฉียบพลัน ออกอาการยัวะ! หลังมีกระบวนการให้ นศท.หญิงโพสต์คลิปพูดแก้ต่างให้ครูฝึก ถามไฟดับแล้วเอาน้ำมันมาราดทำไม เตรียมรวมตัวไปออกรายการดังเรียกร้องสิทธิ
ความคืบหน้ากรณีนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ชั้นปีที่ 1 จำนวน 23 คน เกิดเจ็บป่วยด้วยอาการกล้ามเนื้อลายสลาย และบางคนถึงขึ้นไตวายเฉียบพลัน จากการฝึกวิชาทหาร ณ ศูนย์ฝึกย่อยโรงเรียนนราธิวาส จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.นราธิวาส ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 4 และหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้เข้าไปดูแลติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง โดยให้มณฑลทหารบกที่ 46 ในฐานะหน่วยรับผิดชอบการฝึก นศท. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาจนหายดีทั้งหมด รวมถึงมีการสั่งย้ายครูฝึกให้พ้นจากหน้าที่ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดมีกรณีเพจเฟซบุ๊กของศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้มีการเผยแพร่คลิปการสัมภาษณ์นักศึกษาวิชาทหารหญิง (นศท.หญิง) ที่เข้าร่วมการฝึกพร้อมกับ นศท.ชายที่เจ็บป่วย โดยเนื้อหาการสัมภาษณ์สรุปว่า นักศึกษาวิชาทหารมีทั้งหมด 300 คน ทั้งหญิงและชายฝึกเหมือนกันหมด ครูฝึกจะถามก่อนทุกครั้งว่าใครเป็นโรคประจำตัวให้แจ้งครูฝึกได้ การดูแลเรื่องน้ำ-อาหารเพียงพอทุกจุด และการทำโทษ 2,000 ครั้งไม่เป็นความจริง บทบาทของครูฝึกที่ได้รับ ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตและ นศท.ทุกคนยังเต็มใจที่จะฝึกต่อ
หลังจากคลิปสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ออกไป และบรรดาผู้ปกครองของ นศท.ชายที่เจ็บป่วยจากการฝึกได้ทราบข่าว ทำให้หลายคนรู้สึกไม่พอใจ เพราะจากคำพูดของ นศท.หญิง ทำให้ดูเหมือนว่า นศท.ชายที่ป่วยจากการฝึก 23 คน เป็นคนอ่อนแอ ครูฝึกดูแลอย่างดี ไม่ได้บกพร่อง แม้ผู้หญิงยังสามารถฝึกได้โดยที่ไม่เจ็บป่วยอะไรอะไร
น.ส.ฟาตีเมาะ เจ๊ะเต๊ะ ซึ่งเป็นพี่สาวของ นศท.ชาย ซึ่งเฝ้าอาการไข้น้องชายอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส กล่าวว่า ในส่วนของคลิปเข้าใจว่า ในมุมของน้องผู้หญิงอาจจะเตรียมพร้อมมาดี แต่ต้องมาดูในมุมของผู้ป่วยด้วย ที่มาพูดว่าหญิงชายก็ฝึกเหมือนกัน ถูกทำโทษก็เหมือนกัน แต่ต้องมองตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลว่าแข็งแรงหรือไม่ ที่บอกว่าถ้าเป็นลมหรือไม่สบายให้ยกมือ ขณะที่ผู้ป่วยเตียงข้างๆ ที่เป็นลม ยังมีการสั่งให้เพื่อนมายก แทนที่จะส่งโรงพยาบาล แต่ส่งให้กลับบ้าน แล้วให้ทางบ้านส่งโรงพยาบาล
“อยากฝากให้ครูฝึกเข้ามาขอโทษหรือมาให้กำลังใจกับนักศึกษาว่าทำผิดไปแล้ว ผู้ปกครองไม่ได้ต้องการเงินเป็นแสนเป็นล้าน แค่เข้ามาขอโทษให้กำลังใจกับเด็กห รือถามไถ่ว่าตอนนี้เด็กเป็นอะไรบ้างก็พอแล้ว” น.ส.ฟาตีเมาะ กล่าว
ส่วนผู้ปกครองของ นศท.อีกราย (สงวนนาม) กล่าวด้วยอารมณ์โกรธว่า “ไปเช็คได้เลยเด็กที่เข้าโรงพยาบาลเป็นเด็กหมวด 4 เพราะลูกชายบอกว่า กอดคอกัน ลูกกระโดดไม่ไหว เพื่อนก็ช่วยกันพยุงขึ้น บอกว่าช่วยกระโดดกันให้ครบไม่อย่างนั้นจะโดนสั่งอีก ลูกบอกแบบนี้”
“บอกตรงๆว่า เหนื่อยมาก เหนื่อยใจ แล้วมาถามผู้ปกครองว่า โอเคไหม ทุกคนก็บอกว่าช่างมันเถอะ เขาให้ค่าห้องพิเศษ ค่ายา ถ้าเขาให้ค่าเยียวยาเราก็เอา ก็พูดกับครูคนนี้ว่า พี่ไม่ขออะไรมาก ขอให้เขาจ่ายค่าห้องพิเศษให้พี่ เรื่องเงินเยียวยาเขาจะให้หรือไม่ให้พี่ก็ไม่ว่า เพราะลูกเราดีขึ้นแล้ว”
“แต่พอเด็ก (นศท.หญิง) ออกมาพูดแบบนี้ เท่ากับว่าโยนความผิดให้ลูกเรา เป็นเพราะร่างกายเป็น เพราะนู่นนี่นั่น เด็กผู้หญิงยังพูดว่า พวกผู้หญิงก็ฝึกเหมือนกันค่ะ แต่ไม่มีใครเป็นอะไร อ้าว...แล้วลูกเราล่ะ ขนาดผู้หญิงไม่เป็นอะไรแล้วทำไมเด็กผู้ชายถึงเป็นในเมื่อฝึกเหมือนกัน พี่ก็บอกว่า แล้วทำไมพูดแบบนั้น เขาก็บอกว่าอ้าวก็พูดความจริง พี่ก็ว่า ถ้าแบบนั้นก็ไม่โอเค”
“ทำไมให้ครูฝึกเอาไปลงโซเซียลฯ บังคับให้เด็กลงโซเซียลฯ บังคับให้เด็กช่วยเผยแพร่คำพูดที่สัมภาษณ์เด็กคนนั้นเพื่ออะไร ถามหน่อยว่าทำเพื่ออะไร ในเมื่อไฟมันดับแล้ว ราดน้ำมันทำไม เพราะผู้ปกครองเขายอมกันหมดแล้ว มีคนติดต่อผู้ปกครองไปโหนกระแส แต่ไม่ไปเพราะเขามาคุยแล้ว เขาว่าเขาจะเยียวยา จะจัดการทุกอย่าง ผู้ปกครองพอใจหมด และลูกเราก็อาการดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อคืนผู้ปกครองพูดกันว่า ถ้าอย่างนั้นมันไม่จบ เขาจะไปโหนกระแส ถ้าไม่รับผิด เราก็เรียกร้องสิทธิของเรา เพราะว่าเด็กมันไม่มีความผิด มาราดน้ำมันทำไม ในเมื่อผู้ปกครองยอมแล้ว” ผู้ปกครองรายหนึ่ง กล่าว