“วันนอร์” พาแกนนำและทีมงานพรรคประชาชาติลงพื้นที่หมู่บ้านประมงริมหาดนราทัศน์ นราธิวาส รับเรื่องร้องเรียนค่าไฟแพงจากมิเตอร์ชั่วคราว เตรียมหารือการไฟฟ้าฯ-กรมเจ้าท่า หาทางแก้ พร้อมตั้งกองทุนช่วยเหลือเท่าเทียมอาชีพอื่น ส่วนที่รัฐสภาในส่วนกลาง “พ.ต.อ.ทวี” รับหนังสือร้องเรียนจากเครือข่ายประมงทั่วไทย เร่งแก้กฎหมายทำลายชีวิตคนจับปลา ด้านอดีต มท.2 อบรมเจ้าหน้าที่ประชาธิปัตย์ คาดเลือกตั้งใหม่ ก.พ.-มี.ค.66
วันศุกร์ที่ 4 พ.ย.65 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ รองหัวหน้าพรรค, นายอัฟฟาน หะยียูโซะ ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส.นราธิวาสเขต 1 เเละคณะลงพื้นที่หมู่บ้านชาวประมงริมหาดนราทัศน์ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส
โอกาสนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ได้เดินเข้าไปพบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนทีละหลังคาเรือน เพื่อรับฟังเรื่องร้องเรียนและปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน
จากนั้น หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ชุมชนนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมงซึ่งมีคนอยู่หลายพันคน แต่เป็นชุมชนที่มีความเดือดร้อนมาก เพราะเป็นคนยากจน สิ่งที่ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่นี่ ประการแรกคือ ชาวบ้านไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส่วนใหญ่จะอยู่ในที่ดินของกรมเจ้าท่า ทำให้เวลาขอใช้ไฟฟ้า จะเป็นไฟฟ้าชั่วคราว ซึ่งการเก็บค่าไฟฟ้าแพงกว่าธรรมดาเกือบ 3 เท่า ทำให้บ้านหลังหนึ่งใช้ไฟฟ้าไม่กี่หน่วย ต้องเสียค่าไฟเป็นพันบาท
“เรื่องนี้ชาวบ้านร้องเรียนมาที่พรรคประชาชาติแล้ว ซึ่งทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคฯ ได้มารับเรื่องด้วยตนเอง โดยมีการประสานไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยทางการไฟฟ้าฯพร้อมจะลดราคาไฟฟ้าให้เหมือนมิเตอร์ธรรมดาทั่วไป แต่ต้องได้รับหนังสือยินยอมจากกรมเจ้าท่าที่เป็นเจ้าของพื้นที่ก่อน ซึ่งคิดว่ากรมเจ้าท่าก็ไม่น่าจะเดือดร้อนอะไร เพราะชาวบ้านอยู่มา 30-40 ปีแล้ว” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
สำหรับเรื่องร้องเรียนประการที่ 2 หัวหน้าพรรคประชาชาติ บอกว่า คือเรื่องการทำมาหากิน เนื่องจากชาวบ้านที่นี่เป็นชาวประมงพื้นบ้าน ก็จะประสบปัญหาเกี่ยวกับการทำประมง จากข้อกำหนดต่างๆ ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 จนบางครั้งเจอค่าปรับแพงมาก ซึ่งปัญหาประมง ทางพรรคประชาชาติได้รับเรื่องร้องเรียนจากที่ปัตตานีและสมุทรสาครด้วย โดยพรรคเห็นว่าควรจะแก้กฎหมายการประมง ซึ่งทางพรรคได้ยกร่างกฎหมายใหม่เสร็จแล้ว และเสนอต่อสภาตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
“หลักใหญ่ที่สำคัญคือเรื่องของการจะให้มีกองทุนของชาวประมง และเรื่องการแก้บทลงโทษที่ไม่ควรจะรุนแรง เพราะทุกคนทำมาหากินด้วยความสุจริต ไม่ได้ไปปล้นใคร ควรจะปรับแต่ว่าไม่ควรรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว
@@ เครือข่ายประมงฯบุกสภา จี้แก้กฎหมาย
ก่อนหน้านี้ ที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมงภาคประชาชน พร้อมสมาคมประมง 11 จังหวัด เข้ายื่นหนังสือต่อพรรคการเมือง 6 พรรคที่ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ 2558 โดยหนึ่งในนั้นคือ พรรคประชาชาติ โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เป็นผู้รับหนังสือ
นายดิเรก จอมทอง ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า ปัญหาที่พี่น้องชาวประมงต้องเผชิญได้แก่ ปัญหาการจับสัตว์น้ำ ปัญหาแรงงาน ปัญหาความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ปัญหากฎหมายประมงที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ตามพระราชกำหนดการประมงฯ เช่น ต้องแบกรับโทษสูงเกินไปจนขาดความเป็นธรรม ทั้งเรือประมงพาณิชย์ และเรือประมงพื้นบ้าน ส่งผลกระทบให้อาชีพประมงสูญเสียรายได้
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาความทุกข์ร้อนของชาวประมงที่ไม่ได้เกิดจากความไม่ขยัน แต่เป็นปัญหาจากกฎหมายที่เหมือนบังคับให้คนหยุดทำงาน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กระทบแค่ชาวประมงเท่านั้น ยังกระทบกับอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย ฉะนั้นทุกพรรคจะเร่งรัดกระบวนการพิจารณากฎหมายให้รวดเร็ว และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงต่อไป
@@ ปชป.คาดหย่อนบัตรเลือกตั้ง มี.ค.66
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้านหนึ่ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ ถนนสามเสน กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค เป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการและบรรยายแนวทางการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในปี 2566 ให้เจ้าหน้าที่พรรค และผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้รับฟัง
นายนิพนธ์ กล่าวระหว่างการสัมมนาตอนหนึ่งว่า “คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นช่วงเดือน ก.พ. หรือ มี.ค.ปีหน้า”
เป็นที่น่าสังเกตว่า การคาดการณ์ของนายนิพนธ์ หากเป็นจริง ย่อมเท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจยุบสภาช่วงปีใหม่ นั่นก็คือหลังเสร็จภารกิจเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค และมีแคมเปญของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน
สำหรับการคาดการณ์ของนายนิพนธ์ถือว่าน่าสนใจ เพราะถือว่าเคยเป็น “คนวงใน” ของรัฐบาล โดยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ยาวนานประมาณ 3 ปี ก่อนจะลาออกมาเป็น ผอ.เลือกตั้งให้กับพรรคประชาธิปัตย์