เจ้าหน้าที่นำตัว “มะรุสดี มะนุ” มือวางระเบิดปั๊มบางจาก ใกล้แยกดอนยาง ปัตตานี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังยอมรับร่วมกับพวกอีก 3 คนก่อเหตุสุดสะเทือนขวัญ พร้อมเข้าพบผู้จัดการปั๊มน้ำมันเพื่อขอโทษในความผิดที่กระทำลงไป
เมื่อเวลา 09.30 น.วันพุธที่ 5 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี, งานสืบสวนคดีความมั่นคงและคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า, ชุดปฏิบัติการจังหวัดปัตตานี, ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี, พนักงานสอบสวนความมั่นคงจังหวัดปัตตานี, ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43, ปลัดกลุ่มงานความมั่นคง ตลอดจนผู้นำท้องที่, ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ อ.หนองจิก ร่วมกันนำตัว นายมะรุสดี มะนุ ผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดและลอบวางเพลิงในปั๊มน้ำมันบางจาก ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 (ปัตตานี-หาดใหญ่) ใกล้เเยกดอนยาง อ.หนองจิก จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 มาทำแผนชี้จุดเพื่อประกอบคำรับสารภาพ
นายมะรุสดี มะนุ ถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยก่อนหน้านี้ และเมื่อเข้าสู่กระบวนการซักถาม ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเองกับพวกอีก 3 คนประกอบด้วย นายมะนาเซร์ ไซรดี, นายมะนัง บาราเฮง และนายซาการียา ดือเระ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี ได้ร่วมกันวางแผนก่อเหตุลอบวางระเบิดและวางเพลิงปั๊มน้ำมันบางจากจริง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำ นายมะรุสดี มะนุ ชี้จุดเกิดเหตุ จำนวน 6 จุด ประกอบด้วย
จุดที่ 1 จุดรับวัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนในพื้นที่บ้านบางไร่ ต.บางเขา อ.หนองจิก เพื่อนำไปก่อเหตุระเบิด วางเพลิงปั๊มน้ำมันบางจาก
จุดที่ 2 และจุดที่ 3 มีผู้ร่วมก่อเหตุช่วยดูต้นทาง จำนวน 5 คน
จุดที่ 4 จุดก่อเหตุวางระเบิด วางเพลิง ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก
จุดที่ 5 จุดรวมพลในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
จุดที่ 6 จุดทิ้งวิกผม (วัตถุพยาน) หลังจากก่อเหตุ บริเวณคลองชลประทานบ้านท่ายาลอ ต.ตุยง อ.หนองจิก
ภายหลังชี้จุดก่อเหตุประกอบคำรับสารภาพ นายมะรุสดี มะนุ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่พาไปพบกับผู้จัดการปั๊มน้ำมันบางจาก ซึ่งเป็นตัวแทนเจ้าของปั๊ม เพื่อขอโทษต่อกระทำของตนกับพวก โดยได้กล่าวขอโทษและเสียใจต่อการกระทำ พร้อมยอมรับในสิ่งที่กระทำลงไป
มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงว่า การที่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวผู้ต้องสงสัยได้ในครั้งนี้ มาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ตลอดจนประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส ส่งผลให้ามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย หากประชาชนพบเบาะแสสามารถแจ้งไปยังหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่หรือแจ้งได้ทางสายด่วน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง