มือฉกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียนฯตาชี ล่องหน 12 ล้านบาท โผล่สารภาพแล้ว 1 ราย ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ด้านผู้การยะลาส่ง “ทีมสหกรณ์ตำรวจ” ร่วมตรวจสอบ พร้อมอายัดเอกสารป้องกันถูกยักย้าย ถ่ายเท
จากกรณีกลุ่มผู้สูงอายุกว่า 50 คน ในพื้นที่ ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ออกมาร่วมตัวกันเข้าแจ้งความ หลังจากพบว่า เงินที่ฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนียน ธรรมสามัคคีตาชี จำกัด สูญหายไปกว่า 12 ล้านบาท และบางรายมีหนี้ผุดขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้กู้เอง แต่ถูกปลอมลายเซ็นนั้น
วันพุธที่ 20 ก.ค.65 ที่บริเวณอาคารที่ทำการ สหกรณ์เครดิตยูเนียน ธรรมสามัคคีตาชี จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ได้มีชาวบ้านหลายรายมารอเวลาที่สหกรณ์จะเปิดทำการ เพื่อสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์ เกี่ยวกับข่าวเงินหาย แต่รอจนถึงเวลาใกล้เที่ยงวัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาเปิดสหกรณ์แต่อย่างใด
จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 สหกรณ์ฯได้มีการปลดเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและฝ่ายการเงินคนเก่าออก และได้มีการตั้งฝ่ายบัญชีและการเงินคนใหม่เข้ามาทำงานแทน ซึ่งคนใหม่ทั้ง 2 คน เป็นคณะกรรมการของสหกรณ์ฯ
โดยเจ้าหน้าที่สหกรณ์ 1 ใน 2 คน ที่ถูกปลด ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ขอไม่พูดอะไรในเวลานี้ แต่จะขอไปพูดต่อหน้าคณะกรรมการตรวจสอบเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าหารือ เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการทำสำนวนคดี รวมทั้งได้จัดทีมจากสหกรณ์ของตำรวจมาร่วมตรวจเอกสาร เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการรวบรวมข้อมูล
พล.ต.ต.ทินกร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ สภ.ยะหา ออกคำสั่งเเต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ถึงตอนนี้ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วจำนวนหนึ่ง จากผู้เสียหายทั้งหมด 37 คน มูลค่าความเสียหายถึงเวลานี้ประมาณ 12 ล้านบาท บางคนมากหลักล้าน บางคนหลักแสน ช่วงนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตนได้สั่งให้พนักงานสอบสวนอายัดเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ ป้องกันการยักย้ายถ่ายเทเอกสาร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลามีความเป็นห่วง ได้สั่งการกำชับให้ทางสหกรณ์จังหวัด ฝ่ายตรวจสอบช่วยกันตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้กับทางพนักงานสอบสวนอีกส่วนหนึ่ง
จากการรวบพยานหลักฐานเวลานี้ทราบตัวผู้เกี่ยวข้องแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดูว่ามีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องอีก ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ ทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายช่วยกันพยุงสหกรณ์ฯเอาไว้ และจะพยายามขุดคุ้ยหาทรัพย์สินมาคืนพี่น้องประชาชนให้ได้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหา กล่าวถึงถึงความคืบหน้าทางคดีว่า ได้สอบปากคำชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายประมาณ 30 ปาก ยังขาดอีกไม่กี่ราย ซึ่งทราบข้อมูลว่าคนที่ยังไม่ได้ให้ปากคำเป็นผู้ป่วยติดเตียง หรืออยู่นอกพื้นที่ แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า มีผู้กระทำผิดได้ยอมรับสารภาพกับสหกรณ์ฯแล้ว 1 ราย คาดว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาได้ในเร็วๆ นี้ โดยจะเป็นข้อหาลักทรัพย์นายจ้างตามที่ผู้เสียหายแจ้งมา ส่วนการแจ้งข้อหาอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม
นางแอบ อารีบำบัด อายุ 59 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า รู้สึกสบายใจและมีความหวังขึ้นหลังจากตำรวจมีความเอาจริงเอาจังในการติดตามเงินสหกรณ์ฯ ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยคนแก่ๆ อย่างพวกเรา
“ส่วนตัวได้ให้ปากคำกับตำรวจแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เขาให้ความสนใจกับชาวบ้านมากขึ้น ตอนนี้รอทางสหกรณ์ฯ เขาบอกว่า จะเรียกคนที่เสียหายมาคุยว่าจะเอาอย่างไร ถ้าถามป้าๆ ก็ตอบได้อย่างเดียวว่า อยากได้เงินคืน” นางแอบ กล่าว