ชาวไทยมุสลิมกว่า 300 คน ร่วมละหมาดฮายัตที่มัสยิดกลางปัตตานี ขอพรในการเรียกร้องสิทธิคลุมฮิญาบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ด้านสมาคมปกป้องพระพุทธศาสนาจี้กระทรวงศึกษาฯ ปกป้อง ผอ.โรงเรียน พร้อมดำเนินคดีผู้ปลุกม็อบฮิญาบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันศุกร์ที่ 3 มิ.ย.65 ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี นายรอยะ หวันโซะ โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลาง พร้อมชาวไทยมุสลิมกว่า 300 คน ได้ร่วมละหมาดฮายัต เพื่อขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้เกิดความสันติสุขในการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานให้กับเด็กนักเรียนของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ให้สามารถแต่งกายถูกต้องตามหลักศาสนา โดยการคลุมฮิญาบ (ผ้าคลุมผม) ของเด็กนักเรียนหญิง และกางเกงขายาวของนักเรียนชาย ซึ่งเป็นการเรียกร้องที่ไม่ขัดต่อข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ และศาลปกครองจังหวัดยะลาก็ได้มีคำพิพากษาให้เด็กนักเรียนสามารถคลุมฮิญาบได้ แต่กลับพบว่าทางโรงเรียนอนุบาลปัตตานียังไม่ยินยอมให้นักเรียนคลุมฮิญาบได้
จนนำไปสู่ประชุมของตัวแทนผู้นำศาสนา ภาคประชาชน และผู้ปกครองนักเรียนในการลงมติเตรียมยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในวันที่ 8 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยมีข้อเรียกร้องอยู่ 2 ประเด็น คือ
1.เรียกร้องให้ทางโรงเรียนปฏิบัติตามที่ศาลปกครองยะลาได้มีคำพิพากษาให้เด็กนักเรียนสามารถคลุมฮิญาบได้
2.ขอให้ย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีออกจากตำแหน่ง
ขณะนี้ในพื้นที่ยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จนหวั่นเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในพื้นที่ ทางผู้นำศาสนาและประชาชนจึงได้รวมตัวกันละหมาดฮายัต เพื่อให้ข้อเรียกร้องที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เป็นไปอย่างสันติ เพราะการเรียกร้องในครั้งนี้ ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง เป็นแค่เพียงเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญและตามกฏกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
นายรอยะ หวันโซะ โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี กล่าวว่า ทางเราพร้อมที่จะนำเสนอข้อเรียกร้องให้กับทางผู้ใหญ่ในจังหวัด เพื่อให้การเรียกร้องในด้านสิทธิผ่านไปด้วยดี ปลอดภัย
“ในฐานะที่เป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า จึงได้มีการละหมาดฮายัตเพื่อขอพร เพื่อให้เกิดความสันติสุข และไม่เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ เพราะผมไม่สนับสนุนให้เกิดความขัดแย้ง เรามาหาข้อยุติเท่านั้น บนแนวทางความชอบธรรม ตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตย”
@@ ชาวพุทธจี้ ศธ.ป้อง ผอ.โรงเรียน
อีกด้านหนึ่ง พี่น้องชาวพุทธก็ได้มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน โดย นางสาวพาศิสิกา สุวจันทร์ นายกสมาคมปกป้องพระพุทธศาสนา ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 26 พ.ค.65 ขอให้มีคำสั่งคุ้มครองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม และคงระเบียบการแต่งกายของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี พร้อมดำเนินคดีผู้ก่อเหตุปลุกปั้นทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
สาระสำคัญของหนังสือที่ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (น.ส.ตรีนุช เทียนทอง) คือ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.65 ศาลปกครองยะลาได้ตัดสินให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานีแพ้คดี เมื่อโรงเรียนอนุบาลปัตตานีถูกตัดสินเช่นนั้น จึงต้องการจะอุทธรณ์คดี และในช่วงของการอุทธรณ์คดี จึงเป็นเรื่องชอบธรรมที่จะยังใช้ระเบียบการแต่งกายตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน
การที่มีมุสลิมคนหนึ่งออกมาปลุกปั่นกระแสเรียกร้องให้รวมตัวกันของผู้ปกครองนักเรียนมุสลิม และพี่น้องมุสลิมทั่วๆ ไป เพื่อขับไล่ ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัตตานี ที่ได้ออกประกาศห้ามนักเรียนสวมฮิญาบในวันเปิดเทอมจนกว่าคดีที่ศาลปกครองจะสิ้นสุด เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ยังไม่ได้ข้อยุติ ฉะนั้นระเบียบการแต่งกายเดิมจึงยังมีผลบังคับใช้อยู่
@@ จี้เอาผิดพวกปลุกปั่น - กฎหมู่เหนือกฎหมาย
ส่วนการอนุญาตนักเรียนผู้ฟ้องคดีแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามได้ เพราะศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเอาไว้ เฉพาะเด็กกลุ่มนี้ ไม่ให้นักเรียนโดนตัดคะแนน ส่วนเด็กคนอื่นยังแต่งกายตามหลักศาสนาไม่ได้ เพราะคดียังไม่จบ และศาลไม่ได้คุ้มครอง ดังนั้นการปลุกกระแสเพื่อขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีนั้น จึงเป็นเรื่องผิดกฎหมายและไม่เป็นธรรม ส่วนผู้ปลูกกระแสนัดรวมตัวขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีก็ควรจะถูกแจ้งความข้อหาปลุกปั่นทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฝ่าฝืนกฎหมาย ใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย การนำเอาสิทธิส่วนบุคคลมาอ้างเพื่อละเมิดสิทธิ์ของสถานศึกษา เป็นการใช้สิทธิที่ผิด และขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
@@ ชง 3 ข้อเรียกร้องถึง รมว.ศึกษาฯ
ทางสมาคมปกป้องพุทธศาสนาจึงขอยื่นหนังสือฉบับนี้ เพื่อคุ้มครองกฎหมายและรักษาระเบียบของสถานศึกษา ปกป้องข้าราชการที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบวินัย ดังนี้
1.ขอให้กระทรวงศึกษาธิการในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้มีคำสั่งให้ฝ่ายปกครองท้องที่ให้ความคุ้มครองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี
2.ให้กระทรวงศึกษาธิการรักษากฎระเบียบการแต่งกายในสถานศึกษาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
3.ขอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ปลุกปั่น สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง และแทรกแซงการบริหารงานสถานศึกษา
ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ความเป็นธรรม อันจะมำให้เกิดความสงบสุขในสังคมของโรงเรียนเองและในสังคมระดับประเทศชาติสืบต่อไป