“บิ๊กลภ” หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ล่องใต้หารือแม่ทัพภาค 4 เตรียมขับเคลื่อนโต๊ะพูดคุยดับไฟใต้ระยะต่อไป หลัง “รอมฎอนสันติ” เห็นผล เหตุร้ายลด แถมไม่ปรากฏเหตุจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ตั้งเป้าบรรลุข้อตกลงยุติเหตุรุนแรงภายในปีนี้ เตรียมเปิดกลไกให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมแสวงหาทางออกทางการเมือง จับตาเปลี่ยนหัวผู้อำนวยความสะดวกฝั่งมาเลย์
วันอังคารที่ 3 พ.ค.65 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมคณะ ได้ประชุมหารือร่วมกับ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) เกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนกระบวนการการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯในระยะต่อไป เพื่อนำสันติสุขอย่างยั่งยืนสู่พื้นที่ หลังข้อตกลง “รอมฎอนสันติสุข” เห็นผล เหตุร้ายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
พล.อ.วัลลภ กล่าวว่า ในห้วงรอมฎอนที่ผ่านมา เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากฝั่งขบวนการมีเพียงเหตุการณ์เดียว คือที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่มีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งเป็นความรุนแรงที่เกิดจากขบวนการ แต่ไม่ได้เกิดจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ดังนั้นถือว่าข้อตกลงบนโต๊ะพูดคุยฯ ทั้งสองฝ่ายมีความตั้งใจ มุ่งมั่น พยายามทำงานร่วมกันจนเหตุรุนแรงลดน้อยลง ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน เป็นความสำเร็จของประชาชนในพื้นที่ที่ได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความสงบสุข และในห้วงต่อไปก็จะขยายผลสร้างบรรยากาศแห่งความสงบสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
แนวทางของคณะพูดคุยฯและนโยบายของภาครัฐ มุ่งหวังให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ทั้งประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ในอนาคตอาจจะมีเข้ามาร่วมในกลไกต่างๆ ทั้งการปรึกษาหารือในพื้นที่ หรือกลไกแสวงหาทางออกทางการเมือง ซึ่งทุกฝ่ายสามารถเข้ามาร่วมได้
สำหรับการตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรง เป็นกลไกของแต่ละฝ่าย ไม่ใช่กลไกร่วม แต่ในอนาคตอาจจะมีการพิจารณาใช้ “กลไกร่วม” เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันในการยุติความรุนแรง
ทั้งนี้ จากการพูดคุยฯรอบล่าสุดที่ผ่านมา ได้มีการตกลงกันว่า จะมีการประชุมอีกครั้งในระหว่างเดือน มิ.ย.- ส.ค.65 เพื่อประเมินสถานการณ์ที่ปฏิบัติร่วมกันในห้วงที่ผ่านมา และร่วมขยายผลเพื่อสันติสุขต่อไป
หัวหน้าคณะพูดคุยฯ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้อำนวยความสะดวกทางฝั่งมาเลเซียที่จะหมดวาระ ขณะนี้ไม่ทราบว่ารัฐบาลมาเลเซียจะใช้คนเดิมหรือจะให้ใครมาเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยฯต่อไป ซึ่งหากเปลี่ยนคนก็คงจะต้องมีการศึกษาและทำความเข้าใจกันใหม่มากขึ้น แต่เนื่องจากเป็นการพูดคุยฯที่ต่อเนื่อง จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก
“ในห้วงปีนี้จะพยายามพูดคุยฯให้มีการยุติความรุนแรงให้ได้ จากการร่วมมือกันได้ในเดือนรอมฎอน ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะมีความไว้วางใจกันมากขึ้น คาดว่าน่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ในปีนี้” พล.อ.วัลลภ กล่าว
และว่า นอกจากนี้คณะพูดคุยฯได้นำความต้องการและข้อคิดเห็นจากประชาชนไปร่วมหารือ โดยเรื่องการลดความรุนแรงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ประชาชนมีความเห็นตรงกัน ซึ่งจะกำหนดให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก และขอความร่วมมือจากประชาชนและสื่อมวลชนทุกแขนงช่วยผลักดันให้การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เดินหน้าต่อไป เพื่อนำสันติสุขกลับสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน
อนึ่ง การพูดคุยเพื่อสันติสุขระหว่างกลุ่มบีอาร์เอ็น กับคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 4 (ฝ่ายรัฐบาลไทย) ระหว่างวันที่ 31 มี.ค. - 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทั้ง 2 ฝ่าย ได้บรรลุข้อตกลงที่สำคัญคือ ตกลงร่วมกันที่จะยุติความรุนแรงตลอดช่วงเดือนรอมฎอน โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. ถึงวันที่ 14 พ.ค.65
เป้าหมายของข้อตกลงดังกล่าวคือ เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่สงบสุขสำหรับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตลอดห้วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มขบวนการ ส่งผลให้ประชาชนสามารถประกอบศาสนกิจในห้วงเดือนรอมฎอนได้อย่างราบรื่น เป็นเดือนรอมฎอนอันประเสริฐอย่างแท้จริง