ช่วงนี้ที่จังหวัดสงขลา มีประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจ คือมี “กลุ่มคนลึกลับ” นำเครื่องจักรกลหนักเข้าขุดทำลายพื้นที่ที่เรียกว่า “หัวเขาแดง” ซึ่งเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบสงขลา ในพื้นที่ อ.สิงหนคร ทั้งๆ ที่เป็นพื้นที่ที่กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน “บริเวณเมืองเก่าสงขลา”
ภาพถ่ายการตัดถนนขึ้นไปบน “เขาแดง” ถูกส่งแพร่กระจายไปทั่ว ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ของชาวสงขลา เพราะจุดที่มีการแผ้วถางป่าเพื่อตัดถนน ถือเป็นพื้นที่โบราณสถาน ตั้งอยู่ที่ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ครอบคลุมพื้นที่หัวเขาแดงเนื้อที่ 2,460 ไร่
การตัดโค่นต้นไม้ และตัดถนนขึ้นไปสู่ยอดเขา มี 2 จุดด้วยกัน
จุดแรก เป็นถนนยาว 220 เมตร
จุดที่ 2 เป็นถนนกว้าง 4 เมตร ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ขึ้นสู่ยอดเขา ความกว้างของถนนมากพอสำหรับใช้ขับรถขึ้น-ลงสวนกัน
สภาพพื้นที่โดยรอบยังเป็นป่า ต้นไม้เขียวขจีอย่างชัดเจน แต่จุดที่มีการตัดถนน ต้นไม้แหว่งหายไป และถนนบางช่วงก็กว้างมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นในพื้นที่โบราณสถาน
@@ แหล่งโบราณสถาน 2 ศาสนา
เรื่องนี้กระทบจิตใจชาวสงขลา และนักอนุรักษ์ ตลอดจนนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีที่ได้เห็นภาพ เพราะพื้นที่นี้คือ “โบราณสถานสำคัญ”
หลักฐานทางโบราณคดีชี้ว่า พื้นที่นี้ละแวกนี้คือ “เมืองเก่าสงขลา” นอกจากวัดวาอารามแล้ว ยังมีป้อมปราการต่างๆ บนเขาแดง มีโบราณสถานเขาน้อย และแนวกำแพงเมืองสงขลาที่หัวเขาแดง มีเจดีย์สองพี่น้องที่ยอดเขาแดง นอกจากนั้นยังมีซากโบราณสถานอีกหลายแห่งในบริเวณรอบเขาแดง
หลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ สุสานสุลต่านสุไลมาน พระราชาธิบดีแห่งเมืองสงขลาองค์ที่ 1 ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักอยุธยาเป็นข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา และสถาปนาตนเองเป็นสุลต่านสงขลา
โบราณสถานเขาแดง จึงมีสัญลักษณ์ของทั้งสองศาสนา คือ พุทธ กับอิสลาม หลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นได้ว่าครั้งหนึ่งเมืองสงขลาในยุคโบราณเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง มีความเป็นพหุวัฒนธรรม “เขาแดง” จึงเป็นแหล่งโบราณคดีย้อนอดีตเมืองสงขลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง แต่วันนี้กำลังถูก “กลุ่มคนลึกลับ” ย่ำยี ขนเครื่องจักรกลหนักเข้าไปตัดถนนขึ้นเขาอย่างอุกอาจ
@@ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 ยอมรับถูกขู่
“ทีมข่าวอิศรา” โทรศัพท์สัมภาษณ์ นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้ข้อมูลว่า ได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.สิงหนคร แล้ว เพราะจากการเข้าตรวจพื้นที่ ทางสำนักงานศิลปากรฯไม่พบตัวผู้กระทำผิด ไม่พบเครื่องจักร เนื่องจากการกระทำผิดได้สิ้นสุดไปแล้ว จึงแจ้งความกับตำรวจให้หาสืบหาตัวผู้กระทำผิด
มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ ถูกข่มขู่ด้วย หลังจากเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งนายพงศ์ธันว์ ยอมรับว่า มีการขู่จริง อยากบอกว่าตนเป็นข้าราชการ ทำงานตามกฎหมาย ผู้ที่กระทำผิดควรต้องเกรงใจ ไม่ใช่ให้ตนมานั่งเกรงกลัว
@@ หน่วยตรวจสอบเจอตอ - เกียร์ว่าง?
เจ้าหน้าที่จากหน่วยตรวจสอบในพื้นที่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ระดับปฏิบัติได้มีการแจ้งเบาะแสไปทั้งสำนักงาน ปปท.เขต 9 และสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 แต่ทุกหน่วยยังเฉยๆ มีข่าวว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พัวพันกับนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นเครือญาติกับนักการเมืองระดับชาติ ทุกฝ่ายจึงปล่อยเกียร์ว่าง มีข่าวว่าจะมีการพาคนผิดเข้ามอบตัว แต่เกรงว่าจะเป็นแค่คนขับรถแบ็คโฮ
เจ้าหน้าที่รายนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ใกล้ๆ กับกับเขาแดง มีที่ดินกรรมสิทธิ์ มีโฉนดอยู่ 1 ผืน มีเจ้าของครอบครอง น่าคิดว่า การตัดถนนขึ้นเขาแดง เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของที่ดินผืนนี้หรือไม่ ซึ่งเจ้าของที่ดินก็เกี่ยวข้องพัวพันกับนักการเมืองท้องถิ่น เครือญาตินักการเมืองระดับชาตินั่นเอง
@@ แฉนักการเมืองท้องถิ่นหากิน - ทุกคนรู้ว่าใคร
“ทีมข่าวอิศรา” ติดต่อไปยัง นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย ได้ข้อมูลว่า ทราบว่าวันศุกร์นี้ (4 มี.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาจะแถลงข่าว คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องออกหมายจับหรือหมายเรียกผู้ต้องสงสัย หลังจากที่ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ไปแจ้งความเอาไว้
นายบรรจง บอกว่า เรื่องนี้มีนักการเมืองท่องถิ่นทำมาหากิน ทั้งๆ ที่เป็นพื้นที่ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2535 การจะกระทำใดๆ ต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากรเท่านั้น แต่ผู้มีอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งรู้กันดีว่าใคร ขุดดินบริเวณนี้ไปขาย ตอนแรกแค่ขุดดิน ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร ต่อมาเหิมเกริมมากขึ้น ถึงขั้นทำถนน ใช้เวลาแค่ 17 วัน ประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา จึงไปแจ้งความ แจ้งแล้วก็เจอตอ และเจอข่มขู่
ขอเรียกร้องให้คนสงขลาลุกขึ้นมาปกป้องอิทธิพล อำนาจมืด ที่ต้องยอมรับว่า มีอยู่จริง คนสงขลาต้องลุกมาปกป้องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และเกียรติภูมิของคนสงขลา
@@ นายอำเภอ เผย ป่าไม้ปักป้ายห้ามแผ้วถาง
ด้าน นายปัญญา จินดาวงค์ นายอำเภอสิงหนคร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า บริเวณที่เกิดการแผ้วถางป่าทำถนนนั้น กรมป่าไม้ โดยหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สข.8 (ห้วยลึก) ได้เข้าตรวจสอบแล้ว และปักป้ายให้บุคคลที่แผ้วถางพื้นที่ นำเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินมาแสดงภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะดำเนินคดี
นายอำเภอสิงหนคร ยืนยันด้วยว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้รองผู้ว่าฯเข้ามาดูแล และประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สั่งให้ตนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ จนคดีมีความคืบหน้า