ชายแดนใต้อ่วม น้ำท่วมหนักกระจาย 3 จังหวัด 16 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนเกือบหมื่นครัวเรือน บางพื้นที่ระดับน้ำสูง 2 เมตร ยะลาดินสไลด์ ถนนขาด ไฟฟ้าดับ วาตภัยถล่มซ้ำอำเภอริมทะเล ลามถึงสงขลา “บิ๊กป้อม” สั่ง ศอ.บต.ระดมสรรพกำลังช่วยเหลือด่วน “มท.2” ลงพื้นที่แจกถุงยังชีพ คาดวิกฤติยังไม่จบ
จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายวัน ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและพื้นที่เกษตรกรรมของพี่น้องประชาชน ถนนหลายสายถูกตัดขาด บางพื้นที่ระดับน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร
วันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ.65 นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดว่า ทางจังหวัดได้ประกาศเขตภัยพิบัติแล้วทั้ง 13 อำเภอ ซึ่งบางอำเภอมีทั้งอุทกภัยและวาตภัย เช่น อ.สุไหงโก-ลก อ.เมืองนราธิวาส เป็นต้น ในขณะที่บางอำเภอประสบกับสถานการณ์อุทกภัยล้วนๆ
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 13 อำเภอออกสำรวจ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ
สำหรับข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส รายงานพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้ง 13 อำเภอ จำนวน 67 ตำบล 467 หมู่บ้าน 2 เทศบาล มีราษฎรเดือดร้อนจำนวน 101,385 คน รวม 33,482 ครัวเรือน
@@ เสริม “บิ๊กแบ็ค” ริมแม่น้ำโก-ลก
นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 กล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณฝนรอบนี้มีสูงมาก ส่งผลให้น้ำล้นจากพนังกั้นน้ำบริเวณหมู่ 1 บ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่ความสูง +7 เมตร โดยระดับที่ล้นมาประมาณ 15 เซนติเมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชน แนวทางแก้ไขขณะนี้คือต้องพยายามทำให้พนังกั้นน้ำมีความมั่นคงแข็งแรงมากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้ามาเพิ่มอีก จึงได้สั่งการให้ส่วนเครื่องจักรกลและโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโก-ลก นำบิ๊กแบ็คไปเสริมบริเวณพนังกั้นน้ำเพิ่มเติม และได้สั่งเรือท้องแบนเร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำประมาณ 10 ครัวเรือน
ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำปัตตานีล้นตลิ่ง, ลุ่มน้ำสายบุรี ล้นตลิ่ง และลุ่มน้ำโก-ลก ล้นตลิ่ง ซึ่งได้สั่งการให้ควบคุมระบายน้ำผ่านอาคารชลประทานและตามการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักสะสม พร้อมทั้งเดินเครื่องสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า สูบพร่องน้ำในพื้นจำนวน 4 พื้นที่ เพื่อเร่งพร่องระบายน้ำ ได้แก่ที่สถานีสูบน้ำบ้านนาคออีบู (ใหม่), สถานีสูบน้ำบ้านปะลุกา-โคกยาง, สถานีสูบน้ำบ้านสันติสุข, สถานีสูบน้ำบ้านตาเซ๊ะ
พร้อมทั้งสั่งการส่วนเครื่องจักรกล สำนักงานชลประทานที่ 17 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 2 พื้นที่ คือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขับเคลื่อนด้วยระบบไฮดรอลิค (Hydro Flow) ขนาด 28 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำระบายน้ำออก ณ สถานีสูบน้ำโคกสะตอ หมู่ 7 บ้านปิเหล็ง ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยเริ่มเดินเครื่องสูบน้ำเวลา 17.40 น. และดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ขนาด 12 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง เริ่มสูบน้ำเวลา 12.00 น. เพื่อเร่งระบายน้ำช่วยเหลือพื้นที่ อ.เมืองนราธิวาส ณ ท่อระบายน้ำแห่งที่ 3 บ้านยะกัง อ.เมืองนราธิวาส ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และการแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง
@@ ทหารเคลียร์ดินสไลด์ปิดถนนขึ้นเขาปกโย๊ะ ยะลา
ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา ได้เกิดเหตุดินสไลด์ต้นไม้หักโค่นถล่มปิดทับเส้นทาง บริเวณทางขึ้นเขาปกโย๊ะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ยะลา, สถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ ททบ. 5, ช่อง 3, Mcot อสมท., สถานีทหารสื่อสาร
นอกจากนั้นยังเป็นเส้นทางเข้าไปยังสวนผลไม้ของประชาชนในพื้นที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.ยะลา หมู่ 6 บ้านนิคมกือลอง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อช่วงเที่ยงของวันเสาร์ที่ 26 ก.พ.65 ทำให้เส้นทางถูกตัดขาด ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ไฟฟ้าดับตลอดสาย
ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 152 และกองร้อยทหารพรานที่ 3004 ร่วมกับนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.ยะลา, อบต.ตลิ่งชัน, กำนันตำบลตลิ่งชัน ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ เข้าเคลียร์เส้นทาง โดยใช้รถแบ็คโฮกวาดดินและตัดต้นไม้ที่ล้มพาดทับถนน แต่เนื่องจากมีปริมาณดินสไลด์ถล่มลงมาทับเส้นทางจำนวนมาก จึงได้ประสานขอเครื่องจักรขนาดใหญ่จาก กองพันทหารช่างที่ 15 กองพลทหารราบที่ 15 จ.ปัตตานี เข้ามาเคลียร์พื้นที่ เพื่อเร่งเปิดเส้นทางเป็นการด่วน
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ช่วยกันปรับพื้นที่ด้วยเครื่องมือต่างๆ ทำให้เส้นทางกลับมาใช้ได้ตามปกติแล้ว รวมถึงได้นำรถแบ็คโฮปรับพื้นที่และซ่อมแซมสะพานที่ขาด ในหมู่บ้านบายิ หมู่ 4 ต.ตลิ่งชั่น อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณกว่า 400 ครัวเรือน เบื้องต้นได้ปรับพื้นที่สร้างสะพานแบริ่งชั่วคราวให้ชาวบ้านข้ามไปมาได้แล้ว
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยกำลังในพื้นที่เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยธรรมชาติในทุกมิติ ทั้งด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ สิ่งอุปกรณ์ช่วยเหลือแ ละด้านบริการต่างๆ ของส่วนราชการตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบกที่ให้หน่วยงานราชการเป็นที่พึ่งของประชาชน
@@ นอภ.ยะหริ่ง นำทีมเร่งซ่อมหลังคาบ้านโดนวาตภัย
จากสถานการณ์ฝนตกหนักและเกิดคลื่นลมแรงในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี นายโอฬาร บิลสัน นายอำเภอยะหริ่ง พร้อมด้วย ปลัดอำเภองาน ปภ. (ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย), ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4202, เจ้าหน้าที่ปกครองประจำตำบลตะโละกาโปร์ ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือประชาชน
เบื้องต้นพบว่า คลื่นลมยังแรงต่อเนื่องและกัดเซาะชายหาดริมทะเลหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณชายหาดบ้านปาตาและชายหาดตะโละกาโปร์ หมู่ 1 ต.ตะโละกาโปร์ ถูกคลื่นกัดเซาะชายหาดเสียหายหลายจุด ถึงแม้จะมีการวางท่อซิเมนต์ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งไว้บริเวณริมชายหาดก่อนหน้านี้แล้วเพื่อป้องกันการกัดเซาะก็ตาม
ส่วนหลังคาบ้านเรือนชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน 50 หลัง ทางอบต.ตะโละกาโปร์ ได้จัดซื้อกระเบื้องให้สมาชิก อส.อำเภอยะหริ่ง กับทีมตำบลตะโละกาโปร์ ช่วยกันนำกระเบื้องไปช่อมแซมให้แล้วจำนวนหนึ่ง ทั้งยังเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ฝนตกคลื่นลมแรงในพื้นที่อย่างต่อเนื่องต่อไป
ขณะที่ นายเมษัณฑ์ โสภากัณฑ์ นายอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำท่วม พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจครัวเรือนบริเวณที่ลุ่มริมคลองตุยง
@@ เทศบาลยะลาเตือนขนย้ายเฝ้าระวังน้ำท่วม
ขณะเดียวกัน เทศบาลนครยะลา โดย นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้ออกประกาศเตือนภัยน้ำท่วม ฉบับที่ 1 ระบุว่า จากกรณีที่ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 24 - 26 ก.พ.65 ทำให้น้ำในแม่น้ำปัตตานีมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ปริมาณน้ำฝนจากพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา ต.บุดี และสะเตงนอก ไหลลงสู่คลองแบเมาะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้น้ำในบึงแบเมาะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
จึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มที่เคยประสบอุทักภัย อาทิ พื้นที่ชุมชนหลังวัดยะลาธรรมาราม, ชุมชนวิฑูรอุทิศสัมพันธ์ (ซอย 10), ชุมชนหลังโรงเรียนเทศบาล 5, ชุมชนจารูนอก, ชุมชนเมืองทอง, ชุมชนเสรี, ชุมชนธนวิถี และชุมชนหลังโรงเรียนจีน ให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และระมัดระวังปลั๊กไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดแก่ชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเฝ้าระวังติดตามข่าวสารจากเทศบาลนครยะลาอย่างต่อเนื่อง
หากต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งได้ที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครยะลา หมายเลข โทรศัพท์ 0-7321-2345 และ 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
@@ หวั่นดินสไลด์จุดชมวิวสองแผ่นดิน อ.เบตง
จากสถานกาณ์ฝนตกทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันนาน 3 วันในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ทำให้ที่บริเวณจุดชมวิวสองแผ่นดิน ถนนเลียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บ้านกาแป๊ะฮูลู ซึ่งเป็นแลนด์มาร์ตแห่งใหม่ของ อ.เบตง เกิดรอยร้าวขึ้นบนยอดเขา ยาวกว่า 30 เมตร สามารถมองเห็นได้จากถนนเลียบชายแดน
เบื้องต้นคาดว่า ด้านบนยังมีรอยร้าวอีกหลายจุด สาเหตุอาจเกิดจากฝนตกติดต่อกันนาน ทำให้ดินบนเขาอุ้มน้ำจนเกิดปูนแตกร้าว และอาจสไลด์ลงมาได้ จึงได้มีการติดป้ายแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวขอความร่วมมืองดขึ้นไปบริเวณเขาหินปูน เนื่องจากเส้นทางชำรุดและอาจเกิดอันตราย
สำหรับจุดชมวิวสองแผ่นดิน ที่ผ่านมามีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมทัศนียภาพทิวทัศน์มุมสูงของเมืองเบตง ชมความงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากฝั่งของอำเอบาลิง รัฐเกดะห์ (รัฐเคด้า) ประเทศมาเลเซีย และชมทะเลหมอกในยามเช้ากันอย่างคึกคักทุกวัน
@@ ปภ.สรุปน้ำท่วมชายแดนใต้ 16 อำเภอ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเมื่อวันที่ 27 ก.พ.65 สรุปสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ จ.สงขลา ในห้วงวันที่ 24–26 ก.พ.65
โดยรายงานสถานการณ์อุทกภัยเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดประกอบด้วย จ.นราธิวาส จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี รวม 16 อำเภอ 83 ตำบล 274 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 7,598 ครัวเรือน แยกตามรายจังหวัดดังนี้
จ.นราธิวาส เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.รือเสาะ อ.แว้ง อ.ศรีสาคร อ.ยี่งอ อ.สุคิริน อ.จะแนะ อ.ระแงะ และ อ.สุไหงโก-ลก รวม 32 ตำบล 108 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,264 ครัวเรือน
จ.ยะลา เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.รามัน อ.เมืองยะลา อ.ยะหา และ อ.กรงปีนัง รวม 38 ตำบล 136 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,114 ครัวเรือน
จ.ปัตตานี เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองปัตตานี อ.แม่ลาน อ.หนองจิก และอ.โคกโพธิ์ รวม 13 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 224 ครัวเรือน
ส่วนรายงานสถานการณ์วาตภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ 2 จังหวัด ประกอบด้วย ปัตตานี และ สงขลา รวม 12 อำเภอ 53 ตำบล 137 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 723 หลัง แยกตามรายจังหวัดดังนี้
จ.ปัตตานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.มายอ อ.ยะหริ่ง อ.ปานาเระ อ.ไม้แก่น อ.สายบุรี อ.เมืองปัตตานี อ.หนองจิก และ อ.โคกโพธิ์ รวม 34 ตำบล 81 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 490 หลัง
จ.สงขลา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ระโนด อ.สิงหนคร อ.เทพา และ อ.เมืองสงขลา รวม 19 ตำบล 56 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 233 หลัง
@@ บิ๊กป้อม สั่ง ศอ.บต.ช่วยผู้ประสบอุทกภัย
วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ได้มีข้อสั่งการเร่งด่วนที่สุด ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ร่วมบูรณาการการทำงานกับทุกส่วนราชการ จัดทำข้อมูลปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการเร่งด่วน พร้อมให้ทุกฝ่ายลงพื้นที่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการจัดหาอาหาร ยาและสิ่งจำเป็นอื่นๆ สำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน ย้ำไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน เป็นการทำงานที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันเพื่อประชาชน
พร้อมกันนี้ ได้มีข้อความแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่ประสบอุทกภัยจากเหตุการณ์ฝนตกหนักหลายวันต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างหนัก ขอให้เร่งประสานแจ้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้ประสานงาน ศอ.บต. อำเภอ และจังหวัดในการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ได้อย่างทันท่วงที
@@ มท.2 ลงพื้นที่ทันที มอบถุงยังชีพนราธิวาส
อีกด้านหนึ่ง นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางลงพื้นตรวจเยี่ยมและให้กำลังผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.แว้ง และอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมมอบถุงยังชีพและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัย บริเวณ 5 จุด จำนวนกว่า 1,000 ชุด โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้นำท้องที่ ร่วมลงพื้นที่พร้อมกันด้วย
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยใน จ.นราธิวาส ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนติดตามประกาศแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง การลงพื้นวันนี้ได้นำความห่วงใยจากรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย มามอบให้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชน ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส รวมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อาสาสมัคร มูลนิธิ จิตอาสาทุกๆ ฝ่ายที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
สำหรับแนวโน้มคาดการณ์ว่า จ.นราธิวาส ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง หากมีฝนตกหนักจะส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในคลองธรรมชาติ และมีแนวโน้มอาจจะล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการการทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด