“เรื่องปศุสัตว์ มีโอกาสหรือไม่ที่จะมาลงทุน ก็ได้คุยกันว่าเป็นไปได้สูง และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกอาหารไปต่างประเทศที่ใหญ่สุดในโลก ทางบริษัทจะมาคุยในโอกาสต่อไป”
นี่คือความหวังที่เป็นรูปธรรมในเรื่องการลงทุนซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นแล้วในพื้นที่ปลายด้ามขวาน หลังจากการเดินทางเยือนชายแดนใต้ครั้งแรกในชีวิตของ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มหาเศรษฐีอันดับ 14 ของไทยจากการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ เมื่อปี 63
ครั้งนั้นเจ้าสัวคีรีลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 ได้พบปะกับนักธุรกิจรุ่นใหม่ในสามจังหวัด รวมทั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และวิสัยทัศน์ ปลุกความหวังสตาร์ทอัพปลายด้ามขวานให้คึกคักขึ้นได้ไม่น้อย
ผ่านมาไม่ถึง 1 เดือน เมื่อวันที่ 19 ก.พ.65 จากการประสานงานของพรรคประชาชาติเช่นเดิม คีรีลงพื้นที่ชายแดนใต้อีกครั้ง คราวนี้ไปที่อำเภอใต้สุดแดนสยาม เบตง จ.ยะลา
ข่าวดีที่ เจ้าสัวคีรี นำมาฝาก นอกเหนือจากเรื่องการค้าการลงทุน ยังเป็นเรื่องการศึกษาด้วย โดยเฉพาะ “โรงเรียนจีน” ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สะท้อนความเป็นพหุวัฒนธรรมอย่างชัดแจ้ง
@@ น่าลงทุน แต่ทำไมล่าช้า?
เจ้าสัวคีรี เป็นผู้นำทางธุรกิจชั้นนำของประเทศที่ได้นำแนวคิดมาแลกเปลี่ยนเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการส่งเสริมการค้าและการลงทุนให้แก่นักธุรกิจในพื้นที่
ผลตอบแทนที่ได้รับ นอกจากไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่จะมาประกอบกิจการ ณ ดินแดนปลายด้ามขวาน ซึ่งมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ แต่ขาดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาส
การประชุมเสวนาร่วมกับ ส.ส.พรรคประชาชาติ นำโดย วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ตลอดจนผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ เจ้าสัวคีรีสะท้อนปัญหานี้ให้ทุกคนช่วยกันคิด
“ผมยินดีที่ได้มีโอกาสลงพื้นที่ภาคใต้ ได้คุยกับนักธุรกิจภาคใต้ รู้สึกภูมิใจและดีใจที่ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค จัดให้พบปะผู้นำ ผู้อาวุโส และนักธุรกิจรุ่นใหม่ เพราะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่น่าลงทุนมาก แต่ทำไมล่าช้า”
“คราวที่แล้วถือว่าเป็นโอกาสจริงๆ ที่ได้มาพบนักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ ได้กลับไปทำการบ้าน และอยากบอกเล่าให้ที่ประชุมได้รับทราบ เช่น เรื่องปศุสัตว์ ก็ไปคิดว่ามีโอกาสไหมที่จะมาลงทุน ก็ได้คุยกันว่าเป็นไปได้สูง และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน เป็นบริษัทส่งออกอาหาร ไปต่างประเทศที่ใหญ่สุดในโลก ทางบริษัทฯ จะมาคุย แต่ช่วงนี้ยังติดปัญหาเรื่องสุขภาพ ในอนาคตอันใกล้คิดว่าน่าจะมีโอกาสได้คุยกัน”
เจ้าสัวคีรี บอกด้วยว่า หลังจากได้พบปะพูดคุยเรื่องธุรกิจกับผู้เกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชน ทำให้ตนได้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของภาคใต้ จึงได้ตั้งงบให้มีการศึกษาวิจัยด้านธุรกิจและโอกาสการลงทุนที่ต้องทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
@@ 10 ข้อ “ทูตจีน” ฝากถึง “รร.จงฝา”
ความใส่ใจและให้ความสำคัญของเจ้าสัวคีรี ยังเห็นได้ชัดเจนเเรื่องการพัฒนาการศึกษา เพราะได้ทำการบ้านมาล่วงหน้าเกี่ยวกับโรงเรียนจีนในเบตง คือ “โรงเรียนจงฝามูลนิธิ” โรงเรียนเก่าแก่ที่อบรมสั่งสอนบุตรหลานของคนไทยเชื้อสายจีนในเบตงและพื้นที่ใกล้เคียง
โอกาสนี้ เจ้าตัวคีรี ได้เดินทางไปเยือนโรงเรียนจงฝามูลนิธิด้วย
“การมาเบตง ผมก็ทำการบ้านมาก่อน อยากจะเรียนให้ท่านทราบว่า ได้ไปเอาข้อมูลจากสถานทูตจีน ได้พบเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านก็ใช้เวลาพูดคุยเรื่องการศึกษายาวนานพอสมควร เป็นชั่วโมงที่อธิบาย และท่านฝากให้ผมมาบอกกับโรงเรียนจงฝามูลนิธิ และการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน”
เนื้อหาที่เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้ฝากมา มีทั้งหมด 10 ข้อ 10 ประเด็น ประกอบด้วย
1.เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้แสดงความห่วงใยในเรื่องของการพัฒนาการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมจีนของโรงเรียนจงฝามูลนิธิ และโรงเรียนสอนภาษาจีนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านยินดีจะให้การสนับสนุนในทุกเรื่องทุกด้านอย่างเต็มที่ โดยให้โรงเรียนจะต้องมีแผนพัฒนาและมีโครงการรองรับตามความจำเป็น เพื่อพิจารณาให้การสนับสนุน
2.ท่านเอกอัครราชทูตชื่นชมในมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนของโรงเรียนจงฝามูลนิธิทุกระดับชั้นให้แก่เด็กในพื้นที่ อ.เบตง
3.โรงเรียนจงฝามูลนิธิได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบในการสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนจากสำนักงานกิจการการสอนภาษาจีนชาวจีนโพ้นทะเล
4.สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และสถานกงสุลใหญ่สงขลา พร้อมให้การสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนควบคู่กับวิชาสามัญอย่างเต็มที่
5.ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมสนับสนุนครูชาวจีนมาทำการสอนภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนในโรงเรียนจงฝามูลนิธิและโรงเรียนอื่นๆ ตามความต้องการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดทำแผนงานและโครงการในสาขาที่ต้องการเพื่อใช้จัดการเรียนการสอน
6.สำหรับโรงเรียนที่ต้องการพัฒนาอบรมครูสอนภาษาจีนในโรงเรียนและท้องถิ่นเพื่อพัฒนาศักยภาพรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสม สามารถจัดทำโครงการเสนอต่อสถานทูตได้
7.สถานทูตจะสนับสนุนหนังสือเรียนภาษาจีนตามความต้องการของโรงเรียน โดยเป็นการให้เปล่าไม่จำกัดจำนวน เพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
8.สำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเล Overseas Chinese Affairs Office of the state Council หรือที่นิยมเรียกว่า “เฉี่ยวปั้น” มีแผนรองรับนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีความรู้ความสามารถในภาษาจีนเป็นอย่างดี ไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ฉงชิ่ง หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่นักเรียนต้องการได้
9.มีทุนสำหรับนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐานไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน
10.จะมีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายในภาคฤดูร้อนสำหรับนักเรียนชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นค่ายอบรมระยะสั้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ภาษา และวัฒนธรรมการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างนักศึกษาชาวต่างชาติและนักศึกษาชาวจีน
หลังจากที่เจ้าสัวคีรี แจกแจงสิ่งที่ “ทูตจีน” ฝากถึงโรงเรียนจงฝา และโรงเรียนสอนภาษาจีนที่ชายแดนใต้ ปรากฏว่าพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนและประชาชนที่เข้าร่วมประชุมต่างมีความยินดี และรู้สึกดีที่เอกอัครราชทูตมีความเป็นห่วงใยต่อการศึกษาของเด็ก เยาวชน ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
@@ ภูมิใจนักเรียนจงฝา ใช้ภาษาจีนกลางเก่ง
“การสร้างโอกาสทางการศึกษาจะสามารถพัฒนาผู้เรียน ซึ่งการเสริมสร้างสมรรถนะในการเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาคน” เจ้าสัวคีรี กล่าว
และว่าจากการเดินทางเยือนเบตง เห็นว่าโรงเรียนจงฝามูลนิธิสามารถจัดการเรียนการสอนภาษาจีนได้อย่างดี มีคุณภาพ เด็กกล้าแสดงออก แม้แต่ประเทศจีนก็ยังยอมรับโรงเรียนจงฝามูลนิธิว่าเป็นต้นแบบของการสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งในประเทศไทย
“ผมภูมิใจและดีใจเหลือเกินได้พบประชาชน นักเรียน และครูโรงเรียนจงฝามูลนิธิ ขอชื่นชมที่มีการใช้ภาษาจีนกลางได้ดีมากๆ นักเรียนที่กล่าวต้อนรับใช้ภาษาจีนดีกว่าผมเสียอีก รวมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรมที่เป็นผลมาจากการเรียนการสอนในโรงเรียนก็น่าสนใจ เราจะหล่อหลอมให้เด็ก เยาวชน ประชาชนในพื้นที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เข้าใจกัน สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างเป็นกัลยาณมิตร เพราะเข้าใจซึ่งกันและกัน”
เจ้าสัวคีรี ทิ้งท้ายว่า ทางสถานทูตและตนยินดีสนับสนุนให้การเรียนรู้ทุกภาษาในพื้นที่เกิดการพัฒนาอย่างสูงสุด ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำความรู้มาพัฒนาประเทศ
@@ สักการะวัดกวนอิมเบตง - แห่มังกรเงิน มังกรทอง
จากนั้น เจ้าสัวคีรี พร้อมด้วยแกนนำ และ ส.ส.พรรคประชาชาติ ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับผู้บริหาร ครูและบุคลากรของโรงเรียนจงฝามูลนิธิ
เมื่อจบภารกิจที่โรงเรียนสอนภาษาจีนชื่อก้อง เจ้าสัวคีรี และคณะ ได้ไปร่วมสักการะเทพเจ้าที่เคารพบูชาของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มูลนิธิอำเภอเบตง พร้อมสักการะเจ้าแม่กวนอิม ที่วัดกวนอิมเบตง โดยมีผู้บริหารมูลนิธิ และกรรมการให้การต้อนรับ
เสร็จแล้วได้ออกเดินชมเมืองเบตงที่บริเวณหอนาฬิกาเมืองเบตง โดยมีพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนจัดขบวนแห่มังกรทอง-มังกรเงิน และขบวนแห่เกี้ยวอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น
@@ หวังสร้าง “โอกาส” การศึกษา เด็กเบตงร่วมพัฒนาพื้นที่
การเดินทางเยือนเบตงของเจ้าสัวคีรี กลายเป็นกิจกรรมที่ภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่มาร่วมไม้ร่วมมือ และรอพบพูดคุยกับนักธุรกิจชั้นนำของประเทศอย่างพร้อมเพรียง
นอกจาก 2 แกนนำพรรคประชาชาติแล้ว ยังมี ดร.อับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา เขต 3, นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา เขต 2 ทั้งคู่สังกัดพรรคประชาชาติ รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น นำโดย นายมุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา, นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา, นายสกุล เล็งลัคกุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง
นอกจากนั้นยังมีหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมทั้งพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน 7 สมาคม, นายสุรินทร์ สกุลสถาพร นายกสมาคมฮากกา, นายชิ่งเม่า แซ่สี่ ประธานสมาคมบำรุงราษฎร์ , นายเชาวน์เลิศ วัฒนเชาวน์พิสุทธิ์ ประธานสมาคมก๋องสิ่ว, นายถนัด แซ่หลี ประธานสมาคมบำเพ็ญบุญมูลนิธิ, นายวีรพล รุ่งนิธิไพบูลย์ ประธานสมาคมครองศรีสัมพันธ์, นายเสริมยศ กีรติชีวนันท์ ประธานสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนจงฝามูลนิธิ, นายอดุลย์ จิรไพศาลกุล ประธานสมาคมกวางสี (ประเทศไทย), หัวหน้าหมู่บ้านปิยะมิตร 1 ปิยะมิตร 2 และปิยะมิตร 3 รวมทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10, นายสะมะแอ หะยีฮานุส คณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา ร่วมต้อนรับกันอย่างอบอุ่นที่ท่าอากาศยานานาชาติเบตง
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นผู้นำกล่าวขอบคุณเจ้าสัวคีรี
“ท่านคีรีมีความจริงจัง จริงใจที่จะร่วมมือพัฒนา วันนี้ท่านนั่งเครื่องบินส่วนตัว ได้เห็นหุบเขามากมาย ผมดีใจแทนชาวเบตงอย่างมาก ท่านคีรีได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ท่านได้ไปสถานทูตจีนก่อนจะเดินทางมาที่นี่ และ ที่ท่านให้กับพวกเรา เป็นการให้อย่างมหาศาล ที่สำคัญเด็กเบตงจะมีโอกาสมหาศาล ที่ท่านคีรี ได้นำโอกาสมาให้เด็กเบตง เมื่อเด็กมีการศึกษา เศรษฐกิจก็จะดี เด็กเบตงที่ไปเรียนข้างนอกก็จะกลับมาพัฒนา เบตงจะเจริญแน่นอน”
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยี่ยมเบตง ในฐานะที่เคยมาทำงานเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
“สิ่งสำคัญที่มนุษย์ทุกคนควรมีคือ ‘โอกาส’ แต่การมีโอกาสไม่สำคัญเท่ากับ ‘ใช้โอกาส’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผมมีโอกาสได้มาเป็นเลขาธิการ ศอ.บต อยู่ในพื้นพหุวัฒนธรรมที่มีทั้งพี่น้องจีน มลายูมุสลิม และพุทธ สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคือเรื่องวัฒนธรรมและการศึกษา สิ่งที่ได้ทำให้พี่น้องร่วมกันภาคภูมิใจคือการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาตามศักยภาพความต้องการและบริบทของพื้นที่”
“ด้านภาษาจีน มีการศึกษาและการเรียนการสอนในโรงเรียนอย่างแพร่หลาย ผมได้มีส่วนผลักดันให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน ปกติพี่น้องมุสลิมจะไปทำฮัจย์และอุมเราะห์ พี่น้องพุทธจะไปอินเดีย ผมได้สนับสนุนพี่น้องเชื้อสายจีนได้มีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่ประเทศจีน ซึ่งบางคนก็บอกว่า ไม่มีโอกาสได้เจอกัน”
“อีกประการที่สำคัญ คือป้ายชื่อหน่วยงาน เดิม ศอ.บต.มีแค่ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ แต่ได้ให้เพิ่มภาษามลายูและภาษาจีนเข้าไปด้วย เพื่อเติมเต็มความรู้สึกทางวัฒนธรรม”
ด้าน ดร.อับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา กล่าวว่า ไม่ว่าญาติพี่น้องจะอยู่กรุงเทพฯ หรือเมืองจีน หรือเบตง ท้ายที่สุดก็ต้องมารวมตัวกันที่โรงเรียนจงฝาแห่งนี้
“เราวาดฝันว่าหลายครั้งที่มีคนปรารถนาดีต่อพื้นที่ได้มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ แต่วันนี้ท่านไม่ได้มาแค่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจ แต่มาสร้างความจริงว่าจะพัฒนาบ้านเราอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นที่ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีนเรื่องการศึกษา ซึ่งวันนี้ดีใจมากที่ได้พบปะกับพี่น้องพุทธ จีน มุสลิมในเบตง หวังว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่จะมีครั้งต่อไปที่ได้มาเยี่ยมเยียน และต้องย้ำว่ามาเบตงต้องอาบน้ำธรรมชาติเบตง เพราะเขาบอกว่าอยู่เบตงหนึ่งคืน อายุยืนไปหนึ่งปี ซึ่งมีการสำรวจแล้วว่าเบตงคือปอดแห่งเอเซีย ใครได้มาสูดอากาศเบตงอายุยืนจริงๆ”
ขณะที่ เจ้าสัวคีรี ได้กล่าวชื่นชมพรรคประชาชาติ และสนับสนุนให้ดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป