คืบหน้าเหตุปะทะสายบุรี ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่สิ้นชื่ออีกราย นอกจาก “มารวาน มีทอ” คือ “รอซาลี เจะเลาะ” ตรวจสอบแฟ้มประวัติของเจ้าหน้าที่ พบเป็นแกนนำระดับสั่งการ 11 หมายจับ เอี่ยวคดีสะเทือนขวัญฆ่า-เผา 3 ศพครอบครัวรถขนส่งจากหาดใหญ่ คาทางหลวงหมายเลข 42 เมื่อปี 64
คืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ปิดล้อมยิงปะทะกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันที่ 20 ม.ค. 65 พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี รับรายงานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาหลบซ่อนในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุ จึงได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเข้าดำเนินการเข้าตรวจสอยังบ้านเลขที่ 41/1 บ้านเขาดิน หมู่ที่ 2 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ในขั้นต้นพบว่า มีผู้ก่อเหตุรุนแรงหลบซ่อนในบ้านหลังดังกล่าวจำนวน 2 คน จึงได้ทำการปิดล้อมและเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัว โดยเชิญหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น เข้าร่วมเจรานานกว่า 4 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล คนร้ายกลับวิ่งฝ่าออกมาจากบ้านและใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เป็นระยะ ทำให้เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้
ภายหลังเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้ก่อเหตุรุนแรง เสียชีวิต จำนวน 2 คน ประกอบด้วย 1. นายรอซาลี เจะเลาะ อายุ 40 ปี มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 11 หมาย 2.นายมารวาน มีทอ อายุ 27 ปี มีหมายจับ ป.วิอาญาจำนวน 3 หมาย นอกจากนี้ยังตรวจยึดอาวุธปืน AK 47 และ AK 102 ของคนร้าย รวม 2 กระบอก
ส่วนทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ร.อ.สุริยะ บินญาวัง อายุ 44 ปี ถูกกระสุนปืนบริเวณสะโพกด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บ นำส่ง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี ส่งต่อ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.หาดใหญ่)
พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากประวัติและพฤติกรรมของคนร้ายที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พบว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการและระดับปฏิบัติการเคยก่อเหตุความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 - ปัจจุบัน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าและ เผา 3 พ่อลูกตระกูลกิตติประภานันท์ เสียชีวิต 3 ราย เมื่อ 24เม.ย.64 ที่ผ่านมา
โดยในการปฏิบัติ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับให้หน่วยใช้การเจรจาเป็นหลัก และทุกขั้นตอนต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด แต่กลุ่มคนร้ายกลับต่อสู้ เป็นผลให้ต้องยิงตอบโต้จนคนร้ายเสียชีวิตดังกล่าว
ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอขอบคุณมายังพี่น้องประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุรุนแรง ทางหมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 ที่หมายเลข 061-1732999 และนอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน อย่าได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิด ทั้งการให้ที่พักพิง เก็บซ่อนอาวุธ หรือ จัดหาเสบียง เพราะจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ