ปัญหาเกี่ยวกับ "ม็อบจะนะ" หรือ "เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น" กับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ หรือ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา สะท้อนความจริงที่น่าเศร้าของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
1.รัฐบาลชุดนี้เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งตัวแทนรัฐบาลที่ไปทำหน้าที่เจรจากับประชาชนผู้เดือดร้อน มีการทำข้อตกลงกัน ลงนามร่วมกัน 2 ฝ่าย มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่พอเวลาผ่านไป ชาวบ้านมาทวงสัญญา ก็บอกว่า ตัวแทนรัฐบาลที่ไปเจรจานั้น ไม่ใช่ตัวแทน ข้อตกลงนั้นรัฐบาลก็ไม่ได้ตกลงด้วย ทั้งๆ ที่มีเอกสารยืนยันชัดเจนว่า รัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงที่ร่วมคณะไปเจรจา ล้วนได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี มีเอกสารสำคัญที่นายกฯลงนาม และมีอำนาจหน้าที่ชัดเจน มีกฎหมายรองรับ
2.นายกรัฐมนตรีท่านนี้ให้ความสำคัญกับความแค้นส่วนตัวมากกว่าปัญหาของประเทศชาติและประชาชน เพราะท่านตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใยเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา "ม็อบจะนะ" เมื่อปี 63 โดยอ้างว่า รัฐบาลไม่รับรู้ ไม่รับทราบ เพียงเพราะ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั้งให้ไปเจรจาและทำความตกลงกับชาวบ้านในวันนี้ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วในวันนี้ เนื่องจากถูกท่านนายกฯปลด เพราะไปเดินเกมโหวตล้มท่านในสภา ช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
จริงๆ มีวิธีการที่ดีกว่านี้ที่ท่านนายกฯควรทำ แทนการปฏิเสธแบบตัดบัวไม่เหลือใย รัฐบาลไม่รู้ ไม่เกี่ยว ไม่รับทราบ ฯลฯ นั่นก็คือการหยิบข้อตกลงนั้นมาหารือกันใหม่ใน ครม.สัปดาห์ที่แล้วก็ได้ หรือจะสัปดาห์ที่จะถึงนี้ก็ได้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยชี้แจงมาว่าการแก้ไขปัญหาไปถึงไหน มีปัญหาอุปสรรคอะไร แล้วก็แจ้งให้ "เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น" ทราบ พร้อมทั้งตั้งรัฐมนตรีคนใหม่เข้าไปจัดการปัญหาแทน โดยต้องมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายด้วย
3.รัฐบาลชุดนี้เลือกเล่นการเมือง และชิงความได้เปรียบทางการเมืองก่อนจะคิดถึงปัญหาของพี่น้องประชาชน เพราะนอกจากวิวาทะที่โต้กันไปมาระหว่างท่านนายกฯ กับผู้กองธรรมนัสแล้ว ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน ท่านปล่อยให้ประชาชนนั่งตากแดดรออยู่ริมถนน แทนที่จะส่งรัฐมนตรีหรือข้าราชการระดับสูงที่มีอำนาจออกไปรับฟังข้อเรียกร้อง และเร่งหาทางแก้ไข แล้วจัดที่ทางให้ชาวบ้านได้อยู่พักคอย เพื่อรอผลการพิจารณาในกรณีที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
4.รัฐบาลชุดนี้เลือกฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมากกว่าชาวบ้าน และปล่อยให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นทำงานโดยปราศจากการติดตาม ตรวจสอบ ควบคุม อย่างเรื่องที่อ้างว่าสาเหตุที่ต้องเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม เพราะมี "กลุ่มอื่น" เตรียมเข้าไปร่วมมั่วสุมผสมโรง
สมมติว่า ข้อมูลนี้จริง ท่านก็ควรเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมตอนกลางวัน ไม่ใช่ไปทำตอนกลางคืน ซึ่งจะเป็นการสร้างเงื่อนไข และสุดท้ายรัฐบาลเองก็โดนตำหนิ วิจารณ์ ที่สำคัญการกระทำของเจ้าหน้าที่สุ่มเสี่ยงละเมิดทั้งกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
5.แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวของ "เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น" อาจมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง หรือหากไม่มี ก็ย่อมมีฝ่ายการเมือง และฝ่ายอื่นๆ เช่น ฝ่ายที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลเข้ามาแสวงประโยชน์ แต่การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล คือต้องใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เรื่องการเมืองเอาไว้ทีหลัง รัฐบาลไม่มีสิทธิ์อ้างว่า ชาวบ้านที่มาประท้วงเป็นเพราะนักการเมืองยุแยง เพราะไม่ว่า จะจริงหรือไม่จริง ท่านก็มีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านอยู่ดี
อย่าลืมสิ่งที่ท่านพูดหาเสียงอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะที่บอกว่า "จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" แต่วันนี้ท่านทิ้งประชาชนให้ต้องทนลำบากอยู่ริมถนนมานานนับสัปดาห์แล้ว อย่าไปคิดว่า ข้างหลังม็อบมีใครสนับสนุน แต่ท่านควรคิดว่าจะแก้ปัญหาปัดเป่าทุกข์ให้คนกลุ่มนี้อย่างไร เขาจะได้ไม่มาเป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ท่านมองว่ากำลังจ้องล้มท่านอยู่
6.หน่วยงานที่ชื่อ ศอ.บต. หรือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังควรได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะแม้ ศอ.บต.จะมีข้อความสวยหรูออกมาชี้แจงเป็นระยะ ว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีแล้วทุกประการ รวมทั้งพยายามอ้างคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น หรือประชาพิจารณ์ ที่ดำเนินการโดย ศอ.บต.นั้น ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายแล้ว ทั้งๆ ที่คำวินิจฉัยนี้ผ่านมานานหลายเดือน กลับมีความพยายามนำมาเผยแพร่ซ้ำเพื่ออ้างความชอบธรรมให้หน่วยงานตัวเอง (และอาจรวมถึงรัฐบาล)
แต่เอกสารอีกชุดหนึ่งที่ปรากฏออกมา คือ เอกสารที่คณะกรรมการตรวจสอบโครงการเมืองต้นแบบฯ อ.จะนะ ชุดที่มี "ผู้กองธรรมนัส" เป็นประธาน ได้สรุปรายงานผลการตรวจสอบ พบว่า ศอ.บต.ทำผิดแทบทุกอย่าง ทั้งไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. ไม่ได้ขอความเห็นและร่วมจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ร่วมกับสภาพัฒน์ ไม่ได้ประสานกระทรวงอุตสาหกรรม รวมไปถึงเรื่องการเปลี่ยนสีผังเมือง ซึ่งเปลี่ยนไปเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว แต่ท่านนายกฯยังยืนกรานว่า ยังไม่เปลี่ยน ฯลฯ
แปลกหรือไม่ที่ ศอ.บต.และคนในรัฐบาลไม่ยอมพูดถึงข้อมูลลบๆ ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารชุดนี้เลย
รายงานผลการตรวจสอบที่ว่านี้ ถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.64 ทำให้นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการไปยัง ศอ.บต.ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและมติ ครม.ให้ครบถ้วน โดยคณะกรรมการชุด "ผู้กองธรรมนัส" ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ศอ.บต. สรุปเรื่องราวทั้งหมด พร้อมเน้นย้ำข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ ศอ.บต.แก้ไขปัญหา แต่ทว่าตลอดมา ศอ.บต.บอกแค่เพียงว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไร นายกฯแค่ให้ปฏิบัติตามมติ ครม. และกฎหมายให้ครบถ้วนเท่านั้น ซึ่ง ศอ.บต.ปฏิบัติตามทั้งหมดแล้ว
ผมไม่ได้สรุปว่า ข้อมูลชุดใดผิด ข้อมูลชุดใดถูก แต่ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ท่านนายกฯควรชำระสะสางเรื่องนี้ เพราะทั้งข้อมูลของ ศอ.บต. และของคณะกรรมการชุดผู้กองธรรมนัส ล้วนมีเอกสารยืนยัน มีลายเซ็นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ท่านนายกฯควรเร่งรีบทำให้เกิดความกระจ่าง และบอกกับชาวบ้านว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
จริงๆ สิ่งที่ "เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น" ต้องการ คือการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA คือทำทั้งจังหวัดสงขลา ไม่ใช่ทำแค่จะนะ หรือแค่ 3 ตำบลที่เป็นที่ตั้งโครงการ (ต.นาทับ ตลิ่งชัน และ สะกอม) เนื่องจากโครงการนี้เป็นระดับอภิมหาเมกะโปรเจค มีขนาดของโครงการหลายหมื่นไร่ จะมีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกลงไปในทะเลจะนะอันอุดมสมบูรณ์ และจะมีการสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงทางรถไฟเพื่อเชื่อมระบบการขนส่งทางราง
นี่จึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่รัฐบาลหรือผู้ยิ่งใหญ่คนใดจะโอนสิทธิ์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่งเข้าไปบริหารและหาประโยชน์กันได้ง่ายๆ เพราะผลกระทบมันมากมายมหาศาล ถึงวันนี้แผนพัฒนาได้ทำอย่างรอบคอบรอบด้านแล้วหรือยัง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ศึกษากันอย่างถี่ถ้วนถ่องแท้แล้วหรือ และคำมั่นสัญญาที่อ้างว่าจะจ้างงานเป็นแสนๆ ตำแหน่งนั้น ชาวบ้านเขาไม่เชื่อลมปากอีกแล้ว เพราะโครงการวางท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน (ซึ่งมีม็อบต้านแบบนี้เหมือนกัน) มีการตั้งโรงงาน จ้างงานเป็นหมื่นตำแหน่ง แต่ไม่มีคนจะนะได้เข้าไปทำงานเลยแม้แต่คนเดียว
รัฐบาลอย่าประมาทม็อบจะนะ และปัญหาเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมจะนะ อย่าไปคิดว่าม็อบคนรุ่นใหม่เริ่มซา เพราะกระแสล้มเจ้า ล้มรัฐบาลจุดไม่ติด ท่านต้องไม่ลืมว่าม็อบที่ฝ่ายความมั่นคงย้ำเตือนและกังวลมากที่สุด คือม็อบที่มาจากความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ และโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิชุมชน
เพราะม็อบประเภทนี้ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย มีแต่หัวใจและการต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอด!
------------------------------
หมายเหตุ : ตีพิมพ์ในคอลัมน์โหมโรง ปกหลัง นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค.64