มีความคืบหน้าเหตุการณ์ที่อ้างว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ "หัวเกรียน" ขับรถตกถนนใน จ.พัทลุง ภายในรถพบบุหรี่และสุรานอกหนีภาษีมูลค่านับล้านบาท เมื่อช่วงเดือน พ.ย.62 แต่ภายหลังทั้งรถทั้งของกลางกลับอัตรธานหายไป แม้องค์กรตรวจสอบจะแกะรอยจนได้ข้อมูลหลักฐานพอสมควร ว่ามีขบวนการลากรถไปซ่อม และเคลื่อนย้ายของกลางออกจากพื้นที่ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ
เหตุการณ์นี้ถูกปูดขึ้นในช่วงที่กำลังมีข่าว "เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน" เปิดภาพและข้อมูลการขนเหล้าเถื่อนโดยใช้เครื่องบินของกองบินตำรวจ จากสนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งเข้ากรุงเทพฯ คาดว่าเป็นของผู้บังคับบัญชา มีการร้องเรียนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.นานแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า ร้อนถึงโฆษก ป.ป.ช.ต้องออกมาชี้แจง จนเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
"ทีมข่าวอิศรา" ตรวจสอบข้อมูลเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พัทลุง ซึ่งอ้างว่ามีการขนบุหรี่เถื่อนและสุราต่างประเทศล็อตใหญ่ โยงนายตำรวจระดับสูง ปรากฏว่าได้ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งซึ่งตรงกับข้ามกับข้อมูลเดิม
@@ รอง ผบช.ภ.9 แจงปมรถพุ่งตกถนน บรรทุกกล่องสินค้า ไม่เกี่ยวของเถื่อน
"ทีมข่าวอิศรา" ได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้ เพราะขณะเกิดเหตุในปี 62 พล.ต.ต.กฤษฎา ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง และตามข่าวอ้างว่ามีการสั่งให้นำรถพร้อมของกลางไปจอดหน้าบ้านพักผู้บังคับการ ก่อนที่รถและของกลางจะอันตรธานหายไป
พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเพิ่งกลับจากไปเป็นประธานในพิธีสมรสของบ่าวสาวคู่หนึ่ง ซึ่งตนก็ได้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น โดยหลังจากเกิดเหตุตนได้สอบถามไปยังตำรวจร้อยเวรเจ้าของคดี ได้รับรายงานว่าของที่พบในรถที่เสียหลักตกถนน เป็นแค่กล่องสินค้าเท่านั้น และได้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ กันไปเรียบร้อยไปแล้ว มีเอกสารหลักฐานยืนยันเรื่องนี้อยู่ แต่กรณีที่มีการอ้างว่าพบกลุ่มชายหัวเกรียนเป็นคนขับรถมา ตนก็ไม่ทราบข้อมูลว่ากลุ่มชายหัวเกรียนเหล่านั้นคือใคร
ส่วนข้อมูลที่ระบุว่าป้ายทะเบียนรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นป้ายทะเบียนปลอมนั้น พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า ร้อยเวรเจ้าของคดีได้รายงานให้ตนทราบถึงเรื่องป้ายทะเบียน แต่ตนจำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่าเหตุใดจึงต้องใช้ป้ายทะเบียนปลอม หรือเปลี่ยนป้ายทะเบียนที่ไม่ตรงกับหลักฐานประจำรถ สาเหตุที่จำไม่ได้เพราะเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว
ทีมข่าวได้พยายามสอบถามกรณีภาคประชาสังคมในพื้นที่ภาคใต้ ให้ข้อมูลว่าขบวนการขนของเถื่อนไม่ได้มีเฉพาะสุราและบุหรี่หนีภาษี แต่ยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมาก และยังมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรู้เห็นทุกขั้นตอน ผู้ประกอบการต้องส่งส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ ขณะที่บางร้านเปิดขายโดยม่ีเจ้าหน้าที่อยู่เบื้องหลัง แต่ พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวตัดบทว่า ขอให้ไปสอบถามเรื่องนี้กับ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เนื่องจากตนปฏิบัติหน้าที่ในส่วนอำนวยการ จึงไม่มีอำนาจในการให้คำตอบเรื่องนี้ได้ หรือนักข่าวอาจต้องไปสอบถามผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดที่เกี่ยวข้องเอง
@@ ป.ป.ช.กลาง แจงยังไม่มีการตั้งเรื่องสอบจากพื้นที่
ทีมข่าวยังได้สอบถามไปยัง นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ได้รับคำตอบว่า เบื้องต้นได้ทราบเรื่องจากที่เป็นข่าว ที่มีการรายงานเหตุการณ์จาก จ.พัทลุง เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนแล้ว แต่จากการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทราบว่า ยังไม่มีการต้ังเรื่องขึ้นมา จึงยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด
@@ ผู้การยะลา อ้างทลายแก๊ง “เหล้า-บุหรี่” หนีภาษีเรียบวุธแล้ว
ทีมข่าวยังได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เพราะพื้นที่ยะลาถูกระบุว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่เบื้องหลังเปิดร้านขายบุหรี่เถื่อน และสุราต่างประเทศหนีภาษี
พล.ต.ต.ทินกร กล่าวว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ตลอดจนฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองท้องถิ่น และทหาร ได้ระดมกวาดล้างขบวนการขนเหล้าและบุหรี่หนีภาษีเหล่านี้ และมีข้อมูลปรากฎเป็นข่าวไปแล้ว พร้อมขอยืนยันว่า ขบวนการเหล่านี้ได้หมดไปแล้วจากพื้นที่ จ.ยะลา แต่อาจจะมีบางรายที่หลุดรอดและพยายามกระทำความผิดแบบเดิมอยู่
ส่วนกรณีที่มีข้อมูลระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นทุกขั้นตอน และร้านบางแห่งมีเจ้าหน้าที่อยู่เบื้องหลังนั้น ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ซึ่งมีทั้งตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สรรพสามิตและทางจังหวัดยะลา เข้าร่วมในการตรวจสอบทั้งหมด โดยจะเร่งขยายผลหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังต่อไป
@@ ยึดบุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่มูลค่า 60 ล้าน ลอบขนขึ้นฝั่ง อ.จะนะ
วันจันทร์ที่ 13 ก.ย.64 เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ศุลกากร และตำรวจน้ำ ร่วมกันกวาดล้างจับกุมบุหรี่ต่างประเทศหนีภาษี 3 ยี่ห้อ จำนวน 64 ลัง รวม 32,000 ซอง มูลค่าเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 เป็นเงินถึง 60 ล้านบาท และเป็นล็อตใหญ่อีกล็อตหนึ่งที่จับกุมได้ในรอบปีนี้ ขณะลำเลียงเข้ามาทางทะเล พื้นที่ริมชายฝั่ง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา แต่ขณะเข้าจับกุม ผู้กระทำผิดที่ขนบุหรี่ได้อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้ร่วมกับตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขยายผลเข้าตรวจค้นร้านขายบุหรี่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ อีก 1 แห่ง ยึดบุหรี่หนีภาษีได้อีกจำนวนหนึ่ง มูลค่าประมาณ 500,000 บาท และควบคุมตัวเจ้าของร้านไว้ดำเนินคดี 1 ราย
จากการสืบสวนคาดว่า บุหรี่เถื่อนที่ลำเลียงเข้ามาทางทะเลมีปลายทางส่งไปยังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ อ.หาดใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลหาเบาะแสกลุ่มที่ลักลอบนำเข้ามา เพื่อจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ สรรพสามิตพื้นที่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนหาข่าวเพื่อกวาดล้างบุหรี่เถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ และทราบว่าล็อตนี้จะมีการลำเลียงเข้ามาทางทะเล ขึ้นฝั่งบริเวณพื้นที่ ต.นาทับ อ.จะนะ จึงได้วางแผนเข้าจับกุม
พร้อมกันนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบตามร้านขายบุหรี่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลายทาง หากพบว่าร้านใดที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่เถื่อน ก็จะจับกุมดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับขั้นสูงสุด ตามนโยบายของอธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อไม่ให้กระทบกับตลาดบุหรี่ภายในประเทศ รวมถึงอันตรายของบุหรี่เถื่อนที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพของประชาชน