กรณีเจ้าหน้าที่ขนเหล้าเถื่อน หรือ "สุรานอกหนีภาษี" โดยใช้เครื่องบินของตำรวจ เหตุเกิดมาหลายปีแล้วแต่คดีก็ยังไม่คืบหน้านั้น
จริงๆ แล้วคดีลักษณะนี้ยังมีที่คล้ายคลึงกันอีก 1 คดี ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คือ คดีกลุ่มชายหัวเกรียนขับรถตกถนน ในรถมีบุหรี่และสุรานอกหนีภาษีมูลค่านับล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ย.62 เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันเงียบเป็นเป่าสาก
จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนเพชรเกษม ช่วงหาดใหญ่-พัทลุง ฝั่งขาขึ้น ท้องที่หมู่ 10 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ พุ่งชนต้นไม้ในร่องกลางถนน สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบชายฉกรรจ์ 4 คน ลักษณะตัดผมสั้นเกรียน อายุประมาณ 35-40 ปี คาดว่าบางส่วนนั่งมากับรถที่ประสบอุบัติเหตุ กำลังช่วยกันดันรถขึ้นจากร่องกลางถนน แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้วิ่งไปขึ้นรถกระบะอีซูซุ 4 ประตูสีเทาอีกคันหนึ่ง หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุได้ตรวจสอบภายในรถ พบลังกระดาษจำนวนกว่า 30 ลัง ภายในบรรจุ "บุหรี่หนีภาษี" และ "สุราต่างประเทศ" มูลค่านับล้านบาท จึงตรวจยึดไว้เพื่อหาเจ้าของ และยังพบอีกว่าป้ายทะเบียนที่ติดมากับรถเป็นทะเบียนปลอม
ต่อมา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงในขณะนั้น ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด พร้อมสั่งให้ตำรวจทุกนายห้ามแตะต้องรถ ทั้งยังสั่งให้นำรถพร้อมของกลางไปเก็บไว้ที่หน้าบ้านพักผู้การ เนื่องจากหากเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ เกรงว่าจะมีคนไปขโมยบุหรี่และสุราของกลางหายไป แต่พอรุ่งเช้า ทั้งรถและของกลางอันตรธานหายไปหมด ส่วนผู้การพัทลุงไปปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ จึงไม่สามารถสอบถามข้อมูลใดๆ ได้ ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น สร้างความงุนงงสงสัยให้กับสื่อมวลชนและประชาชนที่ติดตามข่าวสารอย่างมาก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ได้เข้าตรวจสอบเรื่องนี้ และปะติดปะต่อข้อมูลได้ว่า รถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุถูกชักลากออกไปพร้อมของกลาง โดยติดต่อรถลากจากหาดใหญ่ (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) โดยมีรถติดตามคอยควบคุม ทั้งขับนำหน้าและปิดท้าย จากนั้นนำรถไปซ่อม และนำของกลางออกจากรถ ก่อนส่งออกจากพื้นที่ไป
"บุหรี่และสินค้าหนีภาษีในรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุนั้น เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะนำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการขนย้ายสินค้าไปเก็บสะสมไว้จำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน หรือพื้นที่ภาคกลางช่วงใกล้ปีใหม่ แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน" เจ้าหน้าที่จากองค์กรตรวจสอบ ตั้งข้อสังเกต
และว่า จากการสอบถามพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ในฐานะรับผิดชอบท้องที่ที่เกิดเหตุ อ้างว่าไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้บังคับบัญชาเป็นคนดำเนินการ ในคืนเกิดเหตุพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบว่าข้างในรถมีอะไร เนื่องจากถูกสั่งห้ามแตะต้องรถยนต์คันที่เกิดเหตุ จนกระทั่งว่ามาทราบภายหลังว่ารถคันที่ประสบเหตุสูญหายไป
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่องค์กรตรวจสอบยังระบุว่า หลังเกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่สรรพสามิตจังหวัดพัทลุงได้พยายามขอเข้าตรวจสอบของภายในรถ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีรถแล้ว ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งเฝ้ารถอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีใครเข้าไปใกล้ได้
เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และ ป.ป.ช. ให้ข้อมูลด้วยว่า หลังจากนั้นไม่นาน คดีก็เงียบหาย ทั้งที่หาหลักฐานกันเหนื่อย มีการขอกันและกดดันทุกขั้นตอน ทำงานยากมาก ปัจจุบันผู้การพัทลุงมีตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการแล้ว
"คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ใหญ่ขนาดเคลียร์ ป.ป.ช.ได้ ส่วนรถที่หาย ปกติต้องเก็บไว้ที่โรงพัก เราเคยสืบตามจนเจอว่ารถไปซ่อมที่อู่ในหาดใหญ่ (จ.สงขลา) แต่ของกลางหายเกลี้ยง พอสรรพสามิตจะเข้าไปตรวจก็ไม่มีรถแล้ว ต่อมามีนอมินีไปพบพนักงานสอบสวน เปรียบเทียบปรับคดีขับรถประมาท เสียค่าปรับ 500 บาท แต่ไม่ใช่คนขับตัวจริง เพราะคนที่มาแสดงตัวไว้ผมยาว ส่วนคนที่นักข่าวเห็นในที่เกิดเหตุ หัวเกรียนทั้งหมด"
"เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ป.ป.ท.ตามสืบจนเจอรถ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ของกลางไม่มีแล้ว รถก็ใส่ป้ายทะเบียนปลอม รถออกมาได้ 40 วัน ยังไม่ได้ป้าย แต่กลับติดป้ายปลอม ชื่อคนครอบครองรถอยู่ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ทำประกันที่ไหน ใครทำเราทราบหมด เราก็ส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่เรื่องก็เงียบหายไปเลย" เจ้าหน้าที่องค์กรตรวจสอบ ระบุ
นับเป็นอีกคดีหนึ่งที่โด่งดังอื้อฉาว และไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่ต่างกับคดีขนเหล้าเถื่อนโดยใช้เครื่องบินตำรวจ!
-----------------
ขอบคุณภาพประกอบจาก ป.ป.ท. และสื่อมวลชน