ข่าว “ผู้กำกับโจ้” กลบทุกข่าวในสังคมไทยช่วงนี้ ไม่เว้นแม้แต่ข่าวโควิดที่ยึดครองพื้นที่ข่าวมานานข้ามปี
ตั้งแต่เกิดกรณี “คลุมถุงฆ่า” ผู้กำกับโจ้ถูกเปิดประวัติและเส้นทางชีวิตแทบทุกแง่ทุกมุม โดยเฉพาะการใช้ชีวิตสไตล์ไฮโซ เคยมีแฟนเป็นดารา และปัจจุบันคบหาอยู่กับลูกสาวผู้บังคับบัญชาสายตรง
แต่ประเด็นที่บางฝ่ายอาจจะมองข้ามไปก็คือ บางส่วนเสี้ยวของชีวิตราชการ “ผู้กำกับโจ้” เคยประจำอยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
“ผู้กำกับโจ้” ชื่อจริงคือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 41 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ นรต.รุ่น 57 ปัจจุบันอายุ 41 ปี
เส้นทางชีวิตราชการค่อนข้างโรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้จะเป็นสายบู๊ สายปฏิบัติการ แต่ก็อยู่หน่วยระดับเกรดเอ คือ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เคยเป็นสารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 (สว.กก.2 บก.ปส.1) รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 (รอง ผกก.1 บก.ปส.4) รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ ก่อนจะโยกเข้าโรงพัก เป็นรองผู้กำกับการสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก และขึ้นผู้กำกับที่ สภ.เมืองนครสวรรค์
นั่นคือชีวิตราชการช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์ แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่า สมัยที่ “ผู้กำกับโจ้” เรียนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจใหม่ๆ เป็นตำรวจหนุ่มไฟแรง “หมวดโจ้” ในวันนั้นบรรจุเข้ารับราชการที่แรกๆ ที่ สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ใกล้พรมแดนไทย-มาเลเซีย
โรงพักโคกเคียนอยู่ในท้องที่ อำเภอเมืองนราธิวาส แต่เป็นเมืองนราฯที่ค่อนไปทางสนามบินบ้านทอน ใกล้กับค่ายจุฬาภรณ์
“ทีมข่าวอิศรา” เดินทางไปที่ สภ.โคกเคียน และได้คุยกับตำรวจรุ่นเก่าๆ ที่ทำงานในโรงพักแห่งนี้มานาน ได้รับคำยืนยันว่า “ผู้กำกับโจ้” บรรจุที่ สภ.โคกเคียน เป็นรองสารวัตร แต่ตัวไม่ค่อยได้ทำงานที่โรงพัก เพราะไปอยู่กับชุดปราบปรามยาเสพติดของ ปส.บ้าง หรือชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนบ้าง เนื่องจากเป็นคนชอบงานลุยๆ แนวๆ นี้ ส่วนงานที่ สภ.โคกเคียน “ผู้กำกับโจ้” มีชื่ออยู่จริง แต่ไม่ค่อยได้มาทำงาน โดยมีชื่ออยู่ที่ สภ.นี้ประมาณ 1 ปี ก็ย้ายออกไป
@@ ฟื้นฝอย-ย้อนเวลาขบวนการ “ฟอกรถหรูมาเลย์”
กรณี “ผู้กำกับโจ้” บานปลายกลายเป็นการตรวจสอบขบวนการนำเข้ารถหรู หลังพบรถซูเปอร์คาร์ราคาแพงระยับระดับโลกจอดอยู่ในบ้านผู้กำกับคนดังหลายสิบคัน
ร้อนถึงกรมศุลกากร และดีเอสไอ ต้องออกมาชี้แจง...
พูดถึง “รถหรูซูเปอร์คาร์” ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าเป็นข่าวอยู่เนืองๆ และเคยมีการจับกุม ตรวจยึดได้อย่างต่อเนื่อง
แต่การจับล็อตใหญ่ๆ ต้องย้อนไปราวๆ ปี 56-57 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เส้นทางของรถหรูข้ามแดน มาจากอัตราภาษีรถซูเปอร์คาร์ในมาเลเซียต่ำกว่าไทยมาก ทำให้ราคารถถูกกว่า บางคันถูกกว่าหลายล้านบาท จึงมี “คนหัวใส” วางแผนฟอกรถหรูที่ลักลอบข้ามแดนให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย แล้วนำไปขายฟันกำไร
วิธีการ คือให้โบรกเกอร์ฝั่งมาเลย์ ติดต่อทำทีเช่ารถหรูจากฝั่งมาเลย์หรืออาจจะไกลถึงสิงคโปร์ ( มีถนนเชื่อมจากเกาะสิงคโปร์เข้ามาเลเซียและไทย ) จากนั้นนำไปตัด GPS ติดตามรถออก แล้วให้ “นักบิน” ซึ่งหมายถึงพวกรับจ้างขับ แอบนำรถออกตามด่านที่คนทั่วไปไม่ผ่านกัน แล้วข้ามเข้าเขตประเทศไทย
จากนั้นมีวิธีดำเนินการ 2 รูปแบบ คือ
1.นำไปขายให้ลูกค้าโดยตรง ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะต้องมีเพาเวอร์มาก เพราะต้องนำรถไปสวมทะเบียนหรือผู้ครอบครอง ต้องเป็นผู้มีอิทธิพล เวลาถูกเรียกตรวจจึงจะสามารถเคลียร์ตำรวจได้
2.ขับรถข้ามเข้ามายังฝั่งไทย แล้วให้ตำรวจทำทีเป็นจับกุม ยึดรถส่งศุลกากร จากนั้นเมื่อศุลกากรเปิดประมูล ก็ให้เครือข่ายของตนเข้าประมูลในราคาถูก รถก็จะกลายเป็นรถถูกกฎหมาย นำไปขายต่อได้ ฟันกำไรคันละหลายล้านบาท แถมเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันจับกุมยังได้ “รางวัลนำจับ” อีกด้วย
เครือข่ายที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ ต้องเป็นเครือข่ายใหญ่ มีทั้ง “คนมีสี” โดยเฉพาะตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรร่วมมือกัน
แต่ไม่มีใครยืนยันอย่างเป็นทางการว่า “ผู้กำกับโจ้” เกี่ยวข้องกับ “เครือข่ายฟอกรถหรู” หรือไม่ เพียงแต่ประเด็นนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนในพื้นที่ชายแดนใต้ หลังจากมีข่าว “ผู้กำกับโจ้” นายตำรวจไฮโซที่ครอบครองรถหรูระดับซูเปอร์คาร์หลายสิบคัน