สงขลาใช้ยาแรงยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 เคอร์ฟิว 3 ทุ่ม-ตี 4 เริ่ม 12 ก.ค.จนกว่าจะคลี่คลาย ทั้งยืดเรียนออนไลน์ไปถึงสิ้นเดือน ขณะที่เทศบาลนครหาดใหญ่ ปิดตลาดสด - ถนนย่านการค้า ด้าน ศบค.ยะลา แจงละหมาดรายอฮัจย์-กุรบาน ต้องรอประกาศจากจุฬาราชมนตรี รพ.ยะลา ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ชุดห่อศพ
วันศุกร์ที่ 9 ก.ค.64 หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพ่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.พิจารณายกระดับมาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้ล็อคดาวน์ ในพื้นที่เสี่ยงสูง ซึ่งสามจังหวัดชายแดนใต้และจังหวัดสงขลา ก็ถูกจัดอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) จ.สงขลา ณ ประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดสงขลา ทางนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาพร้อมด้วย นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและนายแพทย์อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ร่วมแถลงถึงมติในที่ประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.สงขลา
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ได้ยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจังหวัดสงขลา จากมติของ ศบค. ที่ออกประกาศยกระดับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทางจังหวัดสงขลาจึงต้องยกระดับให้สอดคล้องกับมาตรการของ ศบค. โดยเฉพาะมาตรการงดออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 21.00 - 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เนื่องจากจังหวัดสงขลาเริ่มมีการแพร่ระบาดมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้ยาแรง เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาด
ทางจังหวัดต้องขออภัยและความร่วมมือพี่น้องประชาชนหากมาตรการดังกล่าวทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหรือการประกอบอาชีพ แต่เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น จำเป็นต้องใช้ยาแรงซึ่งยึดตามมาตรการหลักเข้มข้นสูงสุด เพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดสงขลาคลี่คลายลง ให้เร็วที่สุด
ขณะที่นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวเสริมในรายละเอียดว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา มีมติเห็นชอบในหลักการตามมาตรการที่สอดคล้องกับ ศบค. โดยจังหวัดสงขลาจะใช้มาตรการสูงสุดเทียบเท่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล คือ ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่เวลา 21.00 น. – 04.00น. ของวันรุ่งขึ้น มาตรการ Work From Home ร้อยละ 50 ร้านสะดวกซื้อ ตลาดเปิดได้ตั้งแต่เวลา 04.00น - 20.00 น. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซุปเปอร์มาเก็ต สถาบันการเงิน ร้านขายยา เครื่องมือสื่อสาร ร้านขายวัสดุก่อสร้าง เปิดได้ตั้งแต่ 04.00 น. - 20.00 น. สำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่ม สามารถเปิดได้ ตั้งแต่ 04.00 น. – 20.00 น. โดยห้ามนั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดในร้าน จะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่ 12 ก.ค. 64 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ในส่วนของมาตรการปิดสถานที่เสี่ยง เช่น ร้านนวด ร้านเสริมความงาม สวนสาธารณะ เปิดได้แค่กิจกรรมออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น. และมาตรการห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ยกเว้นการประกอบอาชีพ และกิจกรรมทางศาสนาที่สามารถกระทำได้ และย้ำเรื่องของการงดออกจากเคหะสถาน เว้นแต่มีความจำเป็น หรือธุระฉุกเฉินที่จะได้รับการยกเว้นเป็นรายกรณีไป
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนในจังหวัดสงขลา ยังคงให้มีการเรียนการสอนรูปแบบการเรียนที่บ้านไปจนถึงวันที่ 30 ก.ค.64 สอดคล้องกับมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการ เว้นแต่ โรงเรียน ใดมีความพร้อมในทุกด้าน สามารถขออนุมัติเปิดเรียนแบบเรียนในโรงเรียนได้ที่ศึกษาธิการจังหวัด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีโรงเรียนใด ยื่นเรื่องขอเปิดสอนในระบบโรงเรียน
@@เทศบาลนครหาดใหญ่ ปิดตลาดสด - ถนนย่านการค้า
วันเดียวกันนี้ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ โดย พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้มีประกาศให้ปิดการใช้บริการอาคารและสถานที่จำหน่ายสินค้าบางพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เนื่องจากได้รับการประสานทางทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอหาดใหญ่ ในการลงพื้นที่สอบสวนโรค พบว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บริเวณตลาดริมทางรถไฟ 12 ราย , ซอยนำดี 1 ราย ,ซอยสังกะสี 1 ราย ,ตลาดป้อมหก 1 ราย ตลาดพลาซ่า (1-3) 9 ราย ทำให้ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงกำหนดให้ปิดอาคารตลาดและสถานที่จำหน่ายสินค้าดังต่อไปนี้
1.ตลาดพลาซ่า 1- 3
2.ตลาดสดริมทางรถไฟ
3.ตลาดทัวร์รัถการ
4.ตลาดหมอถัด
5.ถนนประธานอุทิศ
6.ซอยนำดี
7.ซอยสังกะสี
8.ซอยแม่เทียบ
9.ซอยไทยพาณิชย์
10.ถนนมนตรี 1
11.ถนนมนตรี 2
12.ถนนถัดอุทิศ
13.ถนนรัถการตั้งแต่หน้ามัสยิดปากีสถานจนถึงแยกโรงแรมทัวร์ทั้งสองฝั่ง
14.ถนนพูลสุวรรณ
เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.64 ไปจนถึงวันที่ 16 ก.ค.64 เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการดูแลทำความสะอาดและฉีดฆ่าเชื้อโรค เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
@@ศบค.ยะลา แจงละหมาดรายอฮัจย์-กรุบาน ต้องรอประกาศจากจุฬาราชมนตรี
หลังจากที่ได้มีข่าวในเรื่องที่จังหวัดยะลาได้อนุญาตให้ชาวมุสลิมในพื้นที่ ทำการละหมาดรายอฮัจย์ 1442 ฮ. และการทำกรุบาน(เชือดวัว) โดยเนื้อหาระบุว่า มีการเห็นชอบให้มีการละหมาดรายอฮัจย์ พร้อมทำการกรุบานเนื้อวัว โดยมีมาตรการป้องกันก่อนการละหมาดในมัสยิดหรือที่สนามและต้องปฎิบัติตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้ได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุดที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด 19 จังหวัดยะลา โดยนายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ในฐานะผู้กำกับการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดยะลา ได้มีการหารือถึงเรื่องดังกล่าว โดยคณะกรรมการ ศบค.ยะลา ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการหารือร่วมกัน เพื่อยกร่างคำสั่งมาตรการในการป้องกันเท่านั้นและยังไม่มีประกาศหรือมติที่ประชุมใดๆ ทั้งสิ้นในการอนุญาตให้ดำเนินการ
ทั้งนี้การที่จะดำเนินการอนุญาตดำเนินการนั้น ทางคณะกรรมการ ศบค.ยะลา จะต้องมีการพิจารณาด้วยเหตุผลที่ประกอบด้วย 1.สถานการณ์ของโรค จะต้องประเมินว่า ในพื้นที่สถานการณ์มีความปลอดภัย 2.ต้องมีการออกประกาศจากทางศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดยะลา และ 3. ต้องสอดคล้องกับประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรีถึงแนวทางในการปฏิบัติและหากมีมติจากที่ประชุมทางศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดยะลาจะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบทันที
@@รพ.ยะลา ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ชุดห่อศพ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของจังหวัดยะลา ที่มีการพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก จนมีอินโฟกราฟิกประชาสัมพันธ์จากโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แชร์ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ มีข้อความว่า “โรงพยาบาลยะลา เชิญชวนร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์”
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยังนายแพทย์ศิริอนันต์ ประสิทธิ์ ผู้รับผิดชอบในการรับการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งได้ชี้แจงว่า สถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดยะลาในขณะนี้ ยังคงมีการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานมากขึ้น ต้องรับผิดชอบ 1 คนต่อผู้ป่วย 50 กว่าคน ทำให้โรงพยาบาลสนาม อุปกรณ์ทางทางแพทย์เริ่มมีไม่เพียงพอ และอุปกรณ์บางส่วนขาดแคลนแล้ว
ทางโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันสนับสนุน อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะใช้รักษาผู้ป่วยประกอบด้วย หน้ากาก P100 จำนวน 30 ชุด .PAPR จำนวน 30 ชุด เครื่อง O2 high flow จำนวน 20 เครื่อง เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วพร้อมจอแสดงผล จำนวน 10 เครื่อง ชุด coverall ทางการแพทย์ จำนวนมาก โดยสามารถสนับสนุนผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขาสิโรรส ชื่อบัญชี : เงินบริจาค โรงพยาบาลยะลา เลขที่บัญชี : 932-0-83082-7 หรือ ติดต่อได้ที่ นพ.ศิริอนันต์ ประสิทธิ์ รพ.ยะลา โทร : 089-7376109 ID Line : siriarm คุณเรณู หะยีหะชา โทร : 081-5410617
นายแพทย์ศิริอนันต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ชุดห่อศพขาดแคลนเป็นจำนวนมากและได้สั่งไปแล้ว 50 ชุด แต่ยังไม่ได้รับ ในส่วนเรื่องทางโรงพยาบาลยะลา จะรับสมัครจิตอาสาช่วยเหลือหมอขนศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปฝั่งที่สุสานกับเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ขอไปดูเรื่องอีกที่หนึ่งว่าจริงเท็จอย่างไร
@@เทศบาลเมืองเบตงเปิดลงทะเบียนวัคซีนชิโนฟาร์ม
นายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองเบตง ได้กำหนดเปิดรับลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เทศบาลเมืองเบตง ในวันที่ 14-16 ก.ค.64 ตั้งแต่เวลา เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (ศาลาประชาคม) โดยผู้ที่เคยจอง หรือฉีดวัคซีนหลักของทางรัฐบาลแล้ว จะไม่สามารถลงทะเบียนวัคซีนตัวเลือกของเทศบาลเมืองเบตงได้ โดยเบื้องต้น เทศบาลเมืองเบตง ตั้งเป้าจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม เป็นวัคซีนทางเลือกบริการพี่น้องชาวเบตง 7,000 โดส โดยซื้อล็อตแรก จำนวน 3,500 โดส พร้อมฉีดให้กลุ่มเป้าหมายเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองเบตงได้รับการฉีดวัคซีนเกินร้อยละ 70 ของประชากร มีภูมิคุ้มกันหมู่ ก็พร้อมเปิดเมืองเบตงต้อนรับนักท่องเที่ยว และฟื้นฟูเศรษฐกิจเบตงให้กลับมาโดยเร็ว
@@ยะลา - สงขลา ติดเชื้อใหม่ยังหลักร้อย ปัตตานีดับเพิ่มอีก 5
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้และสงขลา ประจำวันศุกร์ที่ 9 ก.ค.64 มีดังนี้
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 155 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 3,239 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,704 ราย รักษาหายแล้ว 1,509 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย มำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 26 ราย อยู่ระหว่างรอผล 2,093 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 1,704 ราย แยกเป็น โรงพยาบาลยะลา 115 ราย โรงพยาบาลเบตง 46 ราย รพช. 6 แห่ง 311 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 49 ราย โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 710 ราย โรงพยาบาลสนามเบตง 5 ราย โรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจ 389 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าระบบ 76 ราย
ส่วนจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 1,459 ราย, อ.กรงปินัง 379 ราย, อ.เบตง 248 ราย, อ.รามัน 169 ราย, อ.บันนังสตา 448 ราย, อ.กาบัง 113 ราย อ.ธารโต 225 ราย และ อ.ยะหา 198 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ป่วยรายใหม่ 79 ราย แยกเป็น พื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก 2 ราย, อ.เจาะไอร้อง 4 ราย, อ.เมือง 20 ราย, อ.ระแงะ 17 ราย, อ.ศรีสาคร 2 ราย, อ.ตากใบ 5 ราย, อ.ยี่งอ 7 ราย, อ.แว้ง 1 ราย, อ.รือเสาะ 8 ราย, อ.บาเจาะ 7 ราย และ อ.สุคิริน 6 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 2,802 ราย รักษาหายสะสม 1,985 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 18 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 821 ราย, อ.ระแงะ 227 ราย, อ.รือเสาะ 135 ราย, อ.บาเจาะ 252 ราย, อ.จะแนะ 184 ราย, อ.ยี่งอ 114 ราย, อ.ตากใบ 505 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 67 ราย, อ.สุไหงปาดี 105 ราย, อ.ศรีสาคร 146 ราย, อ.แว้ง 67 ราย, อ.สุคิริน 80 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 99 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 173 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,068 ราย รักษาหายแล้ว 2,021 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 5 ราย ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสม 35 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 204 ราย โรงพยาบาลสนามจังหวัด 750 ราย โรงพยาบาลประจำอำเภอ 423 ราย โรงพยาบาลชุมชน 341 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 51 ราย สิโรรส-ปาร์ควิว Hospitel 148 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาแอดมิท 82 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 10 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 1,328 ราย, อ.หนองจิก 535 ราย, อ.โคกโพธิ์ 248 ราย, อ.ยะหริ่ง 495 ราย, อ.สายบุรี 171 ราย, อ.ไม้แก่น 92 ราย, อ.แม่ลาน 84 ราย, อ.ยะรัง 308 ราย, อ.ปะนาเระ 150 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 124 ราย, อ.มายอ 404 ราย และ อ.กะพ้อ 90 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 170 ราย แยกเป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่ 118 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงาน 11 ราย กลุ่มรอสอบสวนโรค 9 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงอื่นๆ 32 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 7,393 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 7,370 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 2,810 ราย รักษาหายแล้ว 4,554 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 29 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 503 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 1,773 ราย, อ.เมืองสงขลา 1,216 ราย, อ.จะนะ 834 ราย, อ.เทพา 552 ราย, อ.สิงหนคร 467 ราย, อ.สะเดา 387 ราย, สทิงพระ 250 ราย, อ.บางกล่ำ 172 ราย, อ.สะบ้าย้อย 174 ราย, อ.นาทวี 109 ราย, อ.รัตภูมิ 81 ราย, อ.นาหม่อม 74 ราย, อ.ระโนด 72 ราย, ควนเนียง 34 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 35 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 11 ราย, เป็นกรณีเรือนจำ รวม 1,089 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 40 ราย และจากต่างประเทศ 23 ราย