ปัตตานีมียอดผู้ติดเชื้อโควิดที่เรียกว่า “นิวไฮ” หมายถึงจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 180 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 5 ราย จากการรายงานตัวเลขเมื่อกลางดึกของวันที่ 30 มิ.ย.64
ข่าวที่เผยแพร่ในช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.ค. สร้างความตื่นตกใจไปทั่ว เพราะยอดผู้ติดเชื้อสะสมของปัตตานีอยู่ที่ 2,359 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยุ่ที่ 12 ราย จากเดิม 7 ราย ผู้ป่วยมีกระจายทั้ง 12 อำเภอ โดยเฉพาะ อ.เมือง 824 ราย กับ อ.หนองจิก 370 ราย
ยอดผู้เสียชีวิตที่ขยับขึ้นวันเดียว 5 ราย ดันยอดสะสมจากเดิม 7 ราย พุ่งพรวดเป็น 12 รายนั้น คนในโรงพยาบาลปัตตานีชี้แจงว่าเป็นผู้เสียชีวิตจากหลายๆ กรณีในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ประกาศตัวเลขเนื่องจากผลตรวจยังไม่ออกว่าเสียชีวิตเพราะโควิดหรือไม่ เมื่อผลตรวจออกมาชัดเจน จึงรวมประกาศในคราวเดียว ทำให้ดูน่าตกใจ
แม้จะมีความพยายามชี้แจงในแง่บวก แต่ยอดตายวันเดียว 5 ราย ทำให้หลายคนย้อนนึกไปถึงโพสต์ข้อความของหมอท่านหนึ่งในโรงพยาบาลปัตตานี ที่ประกาศรับบริจาค “ถุงห่อศพ” กระทั่งมีสื่อหลายแขนงนำไปรายงานข่าวด้วยความตื่นตระหนก
แพทย์ที่โพสต์ข้อความรับบริจาค “ถุงห่อศพ”คือ แพทย์หญิง ชเนตตา หัตถา จากโรงพยาบาลปัตตานี โดยได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ประกาศ ขอรับบริจาคถุงห่อศพ หลังมีผู้เสียชีวิตจากโควิด และเสี่ยงโควิดเป็นจำนวนมาก”
แพทย์หญิง ชเนตตา อธิบายในโพสต์ว่า “ถามว่ารู้สึกยังไงที่ขอรับบริจาคถุงห่อศพ แชร์ขึ้นเพจจ่ารอบ 2 ด้วยเรื่องเดิมๆ บอกเลยว่าเศร้าจ้า เป็นของขอรับบริจาคที่ไม่อยากให้ใช้เลย แต่เศร้ากว่าที่พอจะใช้แล้วไม่มีของ...
พื้นที่ก็เครียด คนหน้างานก็เครียด ไม่รู้จะจัดการยังไงดี เพราะต้องระวังขั้นสุด ขอบคุณทุกท่านมากๆ ที่กรุณา เรากำลังพยายามเต็มที่ แต่บอกตรงๆ ว่าปัตตานีจะไม่ไหวแล้วจ้า จังหวัดเล็กๆ ที่ติด Top5 โควิด-19 อินเดียสาขา2”
นอกจากนั้นยังมีอีกโพสต์หนึ่งที่อธิบายเรื่องเดียวกันเพิ่มเติม...
“สืบเนื่องจากการที่ปัตตานีมีผู้เสียชีวิตด้วย Covid-19 มากขึ้นเกือบทุกวัน และมีผู้เสียชีวิตที่บ้านมากขึ้นมากๆๆ โดยมีประวัติสงสัยติดเชื้อโควิดชัดเจน ทำให้สิ่งที่ขาดแคลนตอนนี้คือ ถุงห่อศพ ค่ะ
เนื่องจากการเสียชีวิตด้วยกรณีโควิด หรือสงสัยว่าติดเชื้อโควิด ต้องใช้ถุงห่อศพ 2 ชั้น
ทำให้อัตราการใช้ถุงห่อศพสูงมากกกก ในจุดนี้
น่าเศร้าที่ต้องบอกว่า ถุงห่อศพจะหมด รพ.แล้วค่ะ โรงพยาบาลกำลังทำเรื่องจัดซื้อ แน่นอนว่าอาจจะไม่ทันกับความต้องการ เพราะเราไม่เคยคาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้เร็วขนาดนี้
เรามาถึงจุดที่ต้องขอความอนุเคราะห์บริจาคถุงห่อศพแล้วค่ะ นอกเหนือจากอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในการดูแล
ปัตตานีมี 7 รพ.สนาม 1 LQ ต่อ 1 ตำบล ก็ยังรองรับผู้ป่วยได้ไม่เพียงพอ ระบบแทบจะล้มแล้ว ได้โปรดช่วยกันดูแลระมัดระวังตัวเองและครอบครัว และขอกำลังใจหนักๆให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ”
ข้อความที่ แพทย์หญิง ชเนตตา โพสต์ทั้ง 2 ครั้ง ถูกแชร์ไปอย่างกว้างขวาง และมีสื่อกระแสหลักนำไปรายงาน
แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตเชิงคำถามย้อนกลับไปเหมือนกันว่า (ณ ขณะที่โพสต์) จังหวัดปัตตานีรายงานยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิดเป็นเลขตัวเดียวอยู่เลย คือ 7 ราย เหตุใดจึงมีปัญหา “ถุงห่อศพ” ไม่เพียงพอ
ประกอบกับประกาศรับบริจาคอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลปัตตานี ก็ไม่มีการขอรับบริจาค “ถุงห่อศพ” แต่มีรับบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ รวมทั้งเงินสด จึงทำให้การโพสต์ข้อความของ แพทย์หญิง ชเนตตา ถูกตั้งคำถามมากขึ้น
ทว่าผ่านมาอีกไม่ถึง 2 วัน ยอดผู้เสียชีวิตของปัตตานีพุ่งทีเดียว 5 ศพ ทำให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ แพทย์หญิง ชเนตตา โพสต์เอาไว้ว่า “เนื่องจากการเสียชีวิตด้วยกรณีโควิด หรือสงสัยว่าติดเชื้อโควิด ต้องใช้ถุงห่อศพ 2 ชั้น ทำให้อัตราการใช้ถุงห่อศพสูงมากกกก ในจุดนี้”
ข้อมูลนี้ใกล้เคียงข้อมูลจากคนในโรงพยาบาลปัตตานี ที่บอกกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นกรณีที่เสียชีวิตมาก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สรุปสาเหตุว่าเพราะโควิดหรือไม่ จึงยังไม่ได้รวมตัวเลข เมื่อผลตรวจออกมาชัดเจน จึงสรุปตัวเลขในคราวเดียว ทำให้เข้าใจว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 5 รายในวันเดียว ทั้งที่จริงๆ เป็นการเสียชีวิตมาก่อนหน้านั้น
แม้จะมีคำชี้แจงในทางบวก แต่ก็ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โควิดของปัตตานีเข้าขั้นน่าเป็นห่วง เพราะมีคนทยอยเสียชีวิต และผลตรวจยืนยันออกมาภายหลังว่าติดโควิด ทำให้ทุกศพต้องใช้ “ถุงห่อศพ” 2 ชั้นเอาไว้ก่อน
แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยก็คือ สรุปแล้ว “ถุงห่อศพ” ขาดแคลนจนต้องรับบริจาคจริงหรือไม่
เรื่องนี้ “ทีมข่าวอิศรา” ได้พูดคุยกับ นายแพทย์ รุสตา สาและ หัวหน้ากลุ่มงานด้าน พัฒนาระบบบริการและสนับสนุนบริการสุขภาพ โรงพยาบาลปัตตานี ได้ความว่า ทางโรงพยาบาลแก้ปัญหาเรื่อง “ถุงห่อศพ” เรียบร้อยแล้ว ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีความกังวลสอบถามข้อมูลเข้ามา
“ปัจจุบันโรงพยาบาลปัตตานีมีผู้ป่วยโควิดรักษาตัวอยู่ 139 คน เป็นผู้ป่วยสีแดงที่อาการหนัก ส่วนในโรงพยาบาลอำเภอ ได้ปรับแผนให้สามารถรับผู้ป่วยสีเหลืองได้ 196 คน และเตรียมพร้อมให้โรงพยาบาลแต่ละอำเภอมีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลละ 100 เตียงด้วย เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเขียว”
“ภาพรวมของโรงพยาบาลปัตตานี ในอำเภอเมืองก็จะเปิดให้ได้ 700 กว่าเตียง รวมกับ โรงพยาบาลสนาม ที่กางเต็นท์ในสนาม อบจ. 250 เตียง ใครที่รักษาแล้วอาการดีขึ้น ก็จะไปอยู่โรงพยาบาลสนาม”
นายแพทย์ รุสตา บอกด้วยว่า โรงพยาบาลปัตตานี ขอเวลา 2 สัปดาห์ สถานการณ์น่าจะคลี่คลายลง
นอกจากนั้นทางโรงพยาบาลยังมีแผนให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองอยู่ที่บ้าน จึงมีความต้องการ ปรอทวัดไข้แบบโบราณ กับเครื่องวัดความดันแบบสอดแขน เพื่อให้ผู้ป่วยตรวจเองที่บ้านได้ และมีแพทย์ ติดตามอาการ พร้อมกับส่งยาไปให้ ทั้งหมดนี้เพื่อแก้ปัญหาผู้ป่วยล้น และลดภาระของโรงพยาบาล
ส่วนข้อสงสัยที่ว่า แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลปัตตานียังสู้ไหวหรือไม่ เพราะมีบุคลากรบางคนโพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ทำนองว่าหมดกำลังใจ นายแพทย์ รุสตา บอกว่า หมอปัตตานียังไหว ยังสู้ ยังมีพลัง สู้ต่อไป
“มีคนถามว่าหมอเอาพลังมาจากไหน เรารู้สึกว่ามีลมใต้ปีก พลังของหมอมี เพราะว่าทุกครั้งที่หมอขยับ ก็จะมีคนขยับตาม”
“เชื่อว่าโรงพยาบาลเราเอาอยู่ แม้ตอนนี้ถึงขั้นที่ว่าเจ้าหน้าที่เหนื่อยล้าแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วก็เหนื่อยล้าทุกหน่วย ไม่ว่าหน่วยไหน ไม่ได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์”
หมอรุสตา กล่าวด้วยว่า กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ทุกๆ วันมีคนโทรมา จะบริจาคสิ่งของหลายอย่าง บางคนโทรมา บอกเป็นชาวสวน จะขอเอามังคุดมาให้หมอ ก็รู้สึกมีความหวัง มีพลังที่จะสู้
“ทุกคนพร้อมไปด้วยกัน ทุกคน ช่วยกัน เราจะรอดไปด้วยกัน” หมอรุสตา กล่าว
หลังจากที่มีข่าวแพทย์โรงพยาบาลปัตตานีขอรับบริจาค “ถุงห่อศพ” และหมอรุสตา ออกมายืนยันว่าแก้ปัญหาไปหมดแล้ว และยังมีพลังสู้ต่อ มั่นใจอีก 2 สัปดาห์ “เอาอยู่” ปรากฏว่าได้มีการทำภาพคุณหมอชู 2 นิ้ว ดวงตามุ่งมั่น พร้อมติดข้อความแฮชแท็ก “#ปัตตานีพร้อม” เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์
โดยข้อความในประกาศ ยืนยันว่า ทีมเฝ้าระวัง สอบสวนและควบคุมโรค ตลอดจนบุคลากรทางการแแพทย์ วัสดุอุปกรณ์ เตียงรองรับผู้ป่วย...เพียงพอ โรงพยาบาลทุกแห่งมีขีดความสามารถรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างเต็มที่ ขอพี่น้องประชาชนมั่นใจ พร้อมร่วมมือในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัย