แม้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ จะไม่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่กำกับดูแล ศอ.บต. หรือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ แน่นอนแล้ว
โดยส่วนหนึ่งเป็นเหตุผลเรื่องข้อกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีต้องมอบหมายให้ “รองนายกฯ” กำกับดูแลหน่วยงานนี้แทน เนื่องจากนายกฯ คือผู้รักษาการตามกฎหมาย ศอ.บต. ซึ่งก็คือ พระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553
และนายกฯยังเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กพต. ซึ่งเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย ศอ.บต.ด้วย
“นายกฯเศรษฐา” แบ่งงานส่วนนี้ให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กำกับดูแล ศอ.บต. และนายสมศักดิ์ ก็ไม่ได้มีทีท่าจะมอบภารกิจนี้บางส่วนส่งต่อให้ พ.ต.อ.ทวี ตามที่มีบางฝ่ายคาดการณ์ หรือคาดหวังเอาไว้แต่อย่างใด
ประชาชนจำนวนไม่น้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนผู้ติดตามปัญหาปลายด้ามขวาน สนับสนุนให้ พ.ต.อ.ทวี มีบทบาทในภารกิจดับไฟใต้ และกำกับดูแล ศอ.บต. เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างมาก
และพรรคประชาชาติที่ พ.ต.อ.ทวี สังกัดและปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรค ก็ชนะเลือกตั้งในพื้นที่นี้ กวาด สส.ได้เกินครึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ 7 จาก 13 ที่นั่ง
แต่เงื่อนไขของกฎหมายทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่บางฝ่ายวาดหวัง...
ทว่าความเสียหายก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก เนื่องจากมีข่าวล่าสุดว่า พ.ต.อ.ทวี ตกลงกับ รองนายกฯสมศักดิ์ เรียบร้อย ส่งชื่อเลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่ให้พิจารณา และรองนายกฯก็เห็นชอบเสียด้วย
โดยเลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่นี้ จะเข้ารับตำแหน่งแทน พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.คนปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่ครบวาระตั้งแต่ปลายรัฐบาลชุดที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อวาระเป็นกรณีพิเศษ
ข่าวจากหลายกระแสยืนยันตรงกันว่า เลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่ น่าจะเป็น พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจิและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ทวี และ รองนายกฯสมศักดิ์ เองก็ไม่ขัดข้อง
@@ รู้จัก “วรรณพงษ์ คชรักษ์” ว่าที่เลขาฯศอ.บต.คนใหม่
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ ชื่อเล่นชื่อ “บิลลี่” เกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2511 ปัจจุบันอายุ 55 ปี เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และอดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ เป็นบุตรชายของ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อดีตผู้บังคับการปราบปราม (อดีตผู้การกองปราบ) โดยสมัยที่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ อยู่กองปราบ เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ.ทวี ด้วย
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ จบโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 27 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 43 สมรสกับ นางอินทิรา คชรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน
สมัยเป็นตำรวจ เคยเป็นสารวัตรแผนก 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (สว.ผ.3กก.5 บก.ป.) รองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ก่อนจะโอนย้ายไปรับราชการที่ดีเอสไอ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ
เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในดีเอสไอ ทั้งผู้บัญชาการสำนักเทคโนโลยีและสารสนเทศ, ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร และรองอธิบดีดีเอสไอ
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
@@ คน ศอ.บต.ขานรับ “อธิบดีบิลลี่”
ชื่อของ “อธิบดีบิลลี่” หรือ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ว่าเตรียมข้ามห้วยมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับ 11 (ซี 11 เทียบเท่าปลัดกระทรวง) ถูกพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้วจากเจ้าหน้าที่ใน ศอ.บต. มีการส่งต่อภาพถ่ายของ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ และสืบค้นประวัติเพื่อทำความรู้จัก “ว่าที่นายใหม่” ก่อนลงมาปฏิบัติงานจริง
ล่าสุดเมื่อชื่อของ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะมานั่งเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.แน่นอน “ทีมข่าวอิศรา” ได้ไปสอบถามความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ ศอ.บต. ส่วนใหญ่ขานรับด้วยดี
“ใครมาก็ได้ ขอให้ช่วยเหลือชาวบ้าน ทำโครงการอะไรขอให้ชาวบ้านได้ร่วมคิด ไม่ใช่คนใน ศอ.บต.คิดแทนชาวบ้านเหมือนทุกวันนี้ จนทำให้ ศอ.บต.ร้างจะคล้ายป่าช้าแล้ว เพราะไม่มีชาวบ้านเดินเข้ามาเลย เนื่องจากแผนงานทุกอย่างเกิดขึ้นจากคนข้างใน ไม่มีชาวบ้านตาสีตาสาเข้าถึงได้ ทั้งๆ ที่ ศอ.บต.เป็นหน่วยงานที่ต้องใกล้ชิดชาวบ้าน”
เป็นเสียงจากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติรายหนึ่งซึ่งรับราชการในหน่วยงานแห่งนี้มานาน
อีกรายเป็นข้าราชการระดับบริหาร เผยว่า “รู้สึกยินดีมากถ้าท่านบิลลี่มา เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนข้างในวิ่งจะขึ้นเป็นเลขาฯ จนคนในรู้สึกหนาวๆ แต่เมื่อทราบว่าท่านบิลลี่จะมา ทุกคนน่าจะดีใจ”
@@ “สมศักดิ์” มอบนโยบายสร้างโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโลกมุสลิม
ด้านความเคลื่อนไหวฝั่ง รองนายกฯสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เพิ่งเดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อพบปะและมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ ศอ.บต.
ทิศทางนโยบายของนายสมศักดิ์ที่กล่าวกับ “คน ศอ.บต.” ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวทำการบ้านและศึกษามาไม่น้อยเลย
1.แม้อัตราตัวเลขการเกิดเหตุรุนแรงและการเสียชีวิตจะมีแนวโน้มลดลง แต่ตัวเลขที่ไม่เคยลดลงเลย คือตัวเลขความยากจนของประชาชนในพื้นที่ ติดอันดับ 1-5 ของจังหวัดที่ยากจนมากที่สุดมาตลอด และความเหลื่อมล้ำของรายได้มีค่อนข้างสูง
2.เป้าหมายสูงสุดของการทำงาน คือการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อไปเชื่อมต่อกับโลกมุสลิมทุกพื้นที่ของโลก ผ่านการพัฒนาให้พื้นที่นี้เป็น “อู่ข้าว อู่น้ำ” ของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก
3.ประสานกับกระทรวงคมนาคมที่ตนเองกำกับดูแลอยู่ด้วย เดินหน้าพัฒนาเส้นทางคมนาคมสำคัญของพื้นที่ เพื่อเชื่อมต่อประเทศไทยในส่วนของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เข้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศอินโดนีเซีย รวมทั้งในระยะต่อไปก็จะได้เชื่อมโยงไปยังประเทศโลกอาหรับ
เช่น การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา กับรัฐเคดาห์ของมาเลเซีย ทั้งยังจะได้เร่งให้มีการศึกษาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากรัฐกลันตันของประเทศมาเลเซีย ตามโครงการ East Coast Railing ที่ปัจจุบันประเทศมาเลเซียสามารถพัฒนาโครงการไปได้มากกว่าร้อยละ 40 เพื่อเชื่อมมายัง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
4.เปิดปฏิบัติการแก้จนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในระยะ 3 เดือน 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี
5.ผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็น “ครัวอาหารฮาลาลโลก” โดยร่วมมือกับหลายภาคส่วนเพื่อจัดตั้งโรงงานแปรรูปอาหารฮาลาลอย่างเป็นระบบและครบวงจร ซึ่งต้องทำให้ได้ภายใน 4 ปี
อาหารเป็นหนึ่งใน “ซอฟต์พาวเวอร์” สำคัญของรัฐบาล และประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็นิยมการทำอาหาร เช่น ร้านค้าอาหารต้มยำกุ้งในมาเลเซีย ซึ่งเป็นต้นทุนที่ดีมาก สามารถเชื่อมต่อการพัฒนาได้เป็นอย่างดี
6.จะกำกับดูแลการจัดทำให้ยุทธศาสตร์นี้ เป็น “ยุทธศาสตร์การพัฒนาของพี่น้องประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้” อย่างแท้จริง โดยเข้าร่วมรับฟังการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในทุกเวที