“ทีมข่าวอิศรา” สอบถามไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ เพิ่มเติม นอกจาก...”อย่าไปขยายความ ดีที่สุด”
นี่คือบทสรุปเบื้องต้นจากเหตุการณ์ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดในสื่อสังคมออนไลน์ที่ชายแดนใต้ และมีสื่อกระแสหลักบางแขนงนำไปรายงานต่อ กรณีมีการแชร์ภาพทหารนิมนต์พระภิกษุเข้าไปสอนประวัติธงชาติไทยในโรงเรียนตาดีกา
ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ก็คือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ.66 เจ้าหน้าที่ชุดควบคุม หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ร่วมกับชุด ทสพ.401 (ชุดทักษิณสัมพันธ์ที่ 401) กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธิน ได้นิมนต์พระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาส เข้าไปในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ฟัรฎูอีนบูงอบังซอ ตั้งอยู่ที่บ้านดูกู หมู่ 3 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กของ ชุดควบคุมที่ 954 หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ซึ่งระบุว่าเป็นเพจของหน่วยงานราชการ ตั้งอยู่ที่ค่ายกัลยาณิวัฒนา ระบุว่า พระภิกษุที่รับนิมนต์ไปทำกิจกรรมกับตาดีกา พระสมุห์จิรพนธ์ ธมฺมจาโร เจ้าอาวาสวัดอุไรรัตนาราม ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใน อ.บาเจาะ อำเภอเดียวกับที่ตั้งของโรงเรียนตาดีกาที่เข้าไปจัดกิจกรรม
โดยรายละเอียดที่ระบุในเพจเฟซบุ๊ก อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นการดำเนินกิจกรรม "ครูช่วยสอน" ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของธงชาติไทย และสอดแทรกวิถีชีวิตการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒธรรม พร้อมทั้งเปลี่ยนธงชาติ และมอบอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียน ณ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ฟัรฎูอีนบูงอบังซอ พร้อมติดแฮชแท็ก #ครูช่วยสอน #SATUPADUเราคือพี่น้องกัน รวมทั้งมีไอคอนรูปธงชาติไทย
สอบถามชาวบ้านได้ความคล้ายๆ กันว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้นิมนต์เจ้าอาวาสมาให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของธงชาติไทย และได้สอดแทรกวิถีชีวิตการเรียนรู้ของโรงเรียนสอนศาสนาตาดีกาในพื้นที่
ปรากฏว่าภาพชุดนี้ถูกแชร์ออกไปในวงกว้าง (โดยส่วนใหญ่ที่มีการแชร์ ไม่ได้มีการแชร์ข้อความที่ปรากฏในเพจเฟซบุ๊กของ ชุดควบคุมที่ 954 หน่วยเฉพาะกิจสันติสุขด้วย) หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในพื้นที่ โดยตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าเป็นเรื่องไม่สมควรกระทำ
@@ ชี้เป็นการยัดเยียด กลืนเชื้อชาติ วัฒนธรรม
ความเห็นของบุคคลที่แชร์ต่อกันมากๆ ก็เช่น ความเห็นของ ผศ.เจะอับดุลเลาะ เจ๊ะสอเหาะ อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ. ปัตตานี) ที่บอกว่า “ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะวัยเยาว์หรือวัยผู้ใหญ่ อะไรก็ตามที่เอามายัดเยียดให้คนเขากิน เขาไม่กินหรอก เพราะมันไม่ใช่ในสิ่งที่เขาอยากกิน นอกจากมนุษย์นั้นเขาหิวของเขาเอง ยิ่งยัด ยิ่งอึดอัด ยิ่งอึดอัด แน่นอนยิ่งแตกหัก เด็กเขามีสมองและมีศรัทธา”
“จะทำนโยบายอะไรก็ตามให้มันสร้างสรรค์หน่อย เคารพความเป็นอื่นบ้าง มิฉะนั้นจะไม่มีใครเขามาเคารพคุณหรอก หากคุณยังใช้วิธีการเช่นนี้ มันมีแต่เสื่อมลง และคนก็เกลียดชังในวิธีที่คุณทำมากขึ้น ยุคสมัยนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนเขารักและศรัทธาเพราะการยัดเยียดหรอก ความรักและความศรัทธามันเกิดจากเพราะเขาแสวงหาซึ่งด้วยตัวเองเท่านั้น”
อีกหนึ่งความเห็นเป็นของ น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ จากกลุ่มด้วยใจ ระบุว่า “เราขอบอกตรงๆ นะคะว่า เวลาเสาร์อาทิตย์ เป็นเวลาของเด็กในการเรียนรู้หลักการศาสนาอิสลามที่โรงเรียนตาดีกา ทหารมาก็บ่นแล้ว นี่พาพระมา พระท่านอยู่ของท่านดีๆ คนจะมองได้ว่า ที่ทหารทำกำลังกลืนกลายทั้งเชื้อชาติและศาสนา หยุดเถอะเจ้าหน้าที่นำเจ้าอาวาสสอนโรงเรียนตาดีกา”
@@ “พหุวัฒนธรรม” ไม่ใช่การผสมกลมกลืนวัฒนธรรม
อีกรายระบุว่าเป็นประชาชน เป็นคนในพื้นที่ จ.ยะลา บอกว่า “พหุวัฒนธรรมไม่ใช่ทำให้เกิดการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม แต่เป็นการดำรงอยู่ของแต่ละวัฒนธรรมอย่างมีเอกลักษณ์หรือมีอัตลักษณ์ของตนเอง โดยไม่มีการก้าวล่วง แทรกแซง หรือพยายามหลอมรวมให้กลายเป็นวัฒนธรรมเชิงเดี่ยว สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสวยงามในพหุวัฒนธรรมอยู่แล้ว โดยไม่ต้องก้าวล่วงหรือแทรกแซง เพื่อให้เกิดความกลมกลืน
ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศจากศัตรู ในโรงเรียนตาดีกามีแต่เด็ก ไม่มีศัตรูของทหาร หรือทหารคิดว่าในโรงเรียนตาดีกามีศัตรูที่จะต้องไปรบ ทุกวันนี้ ทหารชอบคิดว่าตัวเองเก่งทุกอย่าง อยากให้ทหารรู้ไว้ด้วยว่า ทหารมีหน้าที่อะไร และจงทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุด ประเทศก็จะเกิดความสงบสุขได้”
@@ สภาเยาวชนบ้านดูกู แถลงประณาม จี้รัฐทบทวนกิจกรรม
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน สภาเยาวชนบ้านดูกู (Persatuan Pemuda Pemudi Kampung Duku) ได้ออกแถลงการณ์ให้เจ้าหน้าที่ทบทวนการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อตาดีกา (ตาดีกาบูงอบังซอ) ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
เนื้อหาในแถลงการณ์ อ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และระบุว่า ขอประณามเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพร้อมอาวุธสงครามครบมือ นำพระภิกษุสงฆ์ทำกิจกรรม “ครูช่วยสอน” ที่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (TADIKA) เนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพร้อมอาวุธครบมือนำเจ้าอาวาสมาบรรยายในสถานที่ข้างต้น ประกอบกับสถานที่ดังกล่าวยังเป็นสถานที่ประกอบศาสกิจของชาวบ้าน หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่ามูซอลลาด้วย
ทั้งนี้ ทางสภาเยาวชนบ้านดูกูได้มีการประชุมหารือและมีมติเป็นเอกฉันท์ในการขอประกาศข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. หน่วยงานระดับบังคับบัญชาที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้างต้องทบทวนนโยบายการทำกิจกรรมที่เป็นปัญหา พร้อมทั้งออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณชนในสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดอย่างเร่งด่วน
2. ขอให้ยุติความพยายามในการแทรกแซงและซ้อนทับเวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ชุมชนรังสรรค์ให้เป็นเวลาของเด็กๆ ในการเรียนรู้หลักการศาสนาอิสลามภาคบังคับ หรือ ฟัรฺฎูอีน
3. ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาวร่วมกันใช้สื่อทุกช่องทางประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน
4. ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันผลักดันให้เกิดกฎเกณฑ์ที่อ้างว่าเป็นการมาเยี่ยมเยียนหรือทำกิจกรรมกับสถาบันการศึกษาของชุมชนให้ชัดเจน และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง
@@ ชมรมตาดีกาเงียบ - แม่ทัพวอนอย่าชี้นำ
“ทีมข่าวอิศรา” ได้พยายามขอความเห็นจากกลุ่มตาดีกา หรือชมรมตาดีกาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยบอกเพียงว่าให้ใช้แถลงการณ์ของสภาเยาวชนบ้านดูกู
ทีมข่าวยังได้สอบถามไปยัง พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับคำชี้แจงสั้นๆ ว่า “นี่คือสังคมพหุวัฒนธรรมครับ ผมว่าไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร ไม่น่าจะเป็นประเด็น มันไม่เหมาะสมตรงไหน ผมว่าอย่าชี้นำดีกว่า”
แต่เมื่อข่าวยังคงแพร่กระจาย มีการแชร์ข้อมูลออกไปในวงกว้าง และวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสื่อสังคมออนไลน์ ทีมข่าวพยายามขอคำอธิบายเพิ่มเติมจากแม่ทัพ และนายทหารระดับสูงที่น่าจะรับรู้รับทราบรายละเอียดของโครงการนี้ แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ตามที่ได้อ้างอิงไว้ตอนต้นเรื่อง โดยทุกคนให้เหตุผลเพียงว่า “อย่าไปขยายความ ดีที่สุด”
@@ 5 ข้อสังเกตปมเผชิญหน้า...หวังดี หรือมีประสงค์ร้าย?
จากการแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมของทีมข่าว พบข้อสังเกตที่น่าสนใจดังนี้
1.การที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข เข้าไปดำเนินกิจกรรม “ครูช่วยสอน” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติของธงชาติไทย ในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด หรือ “ตาดีกา” นั้น มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยกิจกรรมลักษณะเดียวกันนี้ ถูกนำไปเผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารหน่วยอื่นๆ รวมทั้งเพจเฟซบุ๊กของกองทัพบก ซึ่งเป็นเพจหลักของกองทัพด้วย เช่น กิจกรรมที่ยังปรากฏอยู่ในหน้าฟีด เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ในตาดีกาพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เช่นกัน
แต่จากภาพกิจกรรมดังกล่าวที่ปรากฏ ไม่มีการนิมนต์พระเข้าไปร่วมในกิจกรรมด้วยแต่อย่างใด
2.จากการตรวจสอบในเพจเฟซบุ๊กของ ชุดควบคุมที่ 954 หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข พบว่า การนิมนต์พระสงฆ์ไปร่วมกิจกรรมในลักษณะ “มวลชนสัมพันธ์” นั้น ไม่ได้ดำเนินการที่ตาดีกาบูงอบังซอ ต.บาเจาะ อ.บาเจะ เป็นครั้งแรก แต่เคยนิมนต์เจ้าอาวาสวัดอุไรรัตนาราม รูปเดียวกันนี้ ไปพบปะเยี่ยมเยียน พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภค-บริโภคให้กับ “ผู้ป่วยติดเตียง” ซึ่งเป็นพี่น้องมุสลิม ในพื้นที่บ้านบือเระ หมู่ 1 และหมู่ 7 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มาแล้ว
โดยกิจกรรมในครั้งนั้นมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบือเระ อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม. ร่วมคณะไปกับทหารและพระด้วย ซึ่งกิจกรรมแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้นิมนต์พระไปร่วมด้วย ก็ยังมีอีกหลายครั้ง หลายพื้นที่ เป็นการไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนที่เจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบ
3.หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข จัดกิจกรรมในลักษณะมวลชนสัมพันธ์ค่อนข้างหลากหลาย เช่น งานวันเด็ก ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อวันเด็กแห่งชาติ เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็มีกิจกรรมบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ประสบภัยต่างๆ อาทิ อุทกภัย น้ำท่วม ทางหน่วยเฉพาะกิจสันติสุขก็ส่งกำลังพลไปช่วยเหลือ แจกเครื่องอุปโภคบริโภคและของใช้ที่จำเป็น โดยทำงานร่วมกับมูลนิธิต่างๆ ของเอกชน
4.ภาพทุกภาพที่นำมาแชร์และเผยแพร่จากทุกๆ กิจกรรม เท่าที่ตรวจสอบไม่พบว่ามีการติดอาวุธ หรือพกปืน ถืออาวุธสงครามเข้าไปขณะทำกิจกรรม แต่ไม่ชัดเจนว่ามีการนำอาวุธติดรถ หรือยานพาหนะไปในระหว่างเดินทางหรือไม่
5.กิจกรรม “ครูช่วยสอน” ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติของธงชาติไทย จัดขึ้นในหลายๆ อำเภอของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะ อ.บาเจาะ เท่านั้น โดยในแต่ละกิจกรรม มีการนำธงชาติผืนใหม่ไปมอบให้ หรือไปเปลี่ยนกับธงชาติผืนเดิมที่โดยมากมีสภาพเก่า บางกิจกรรมมีการมอบนาฬิกาเพลงชาติไทยให้กับทางตาดีกา มอบสมุดคัดลายมือภาษาอาหรับ และสมุดคัดลายมือ ก.ไก่ ให้กับเด็กๆ นักเรียนในตาดีกา ภาพที่ถูกนำมาเผยแพร่เกือบทั้งหมด คนในภาพมีรอยยิ้ม รวมทั้งเด็กๆ ที่ร่วมถ่ายภาพ หรือกำลังเล่นสนุกกันระหว่างร่วมกิจกรรมด้วย