กรณีการบุกรุกแผ้วถางป่าและภูเขาเพื่อตัดถนนในพื้นที่ “เขาแดง” ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็น “โบราณสถานบริเวณเมืองเก่าสงขลา” ยังไม่จบ แม้จะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับบุคคลที่ยอมรับว่านำเครื่องจักรกลหนักเข้าไปปรับสภาพพื้นที่แล้วก็ตาม
วันพฤหัสบดีที่ 3 มี.ค.65 นายสมบัติ เหาตะวณิชย์ นักธุรกิจแปรรูปไม้ยางพารา ซึ่งมีที่ดินอยู่บริเวณด้านล่างของภูเขา และต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดยยอมรับว่าเป็นผู้ว่าจ้างรถแบ็คโฮขึ้นไปขุดตัดทำถนนบริเวณเขาแดง เพราะต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้ต้องการขึ้นไปสักการะเจดีย์องค์ดำ-องค์ขาว สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น
ต่อมาช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 5 มี.ค.65 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อม นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางขึ้นไปบน “หัวเขาแดง” เพื่อบวงสรวงพระเจดีย์องค์ขาว/องค์ดำ และได้สำรวจพื้นที่ที่มีการแผ้วทางทำลายป่าเพื่อสร้างถนน
ทุกอย่างเหมือนจะจบด้วยดี มีคนออกมารับผิดแล้ว พ่อเมืองก็ทำพิธีบวงสรวงขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่สุดท้ายเรื่องที่ควรจบกลับไม่จบ และลุกลามบานปลายถึงขั้นฟ้องร้องกัน เพราะฝ่ายภาคประชาสังคมเชื่อว่ายังไม่มีการดำเนินคดีกับตัวการใหญ่ “ตัวจริง” ที่อยู่เบื้องหลัง
@@ “บรรจง นะแส” จี้จับผู้บุกรุก “ตัวจริง”
9 มี.ค.65 นายบรรงจง นะแส ผู้นำภาคประชาสังคมใน จ.สงขลา ได้ตั้งโต๊ะไลฟ์สดที่หน้าโบราณสถาน “หัวเขาแดง” เรียกร้องให้ พ.ต.อ.เสรี วุ่นหนู ผู้กำกับการ สภ.สิงหนคร และ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รู้ดีว่าผู้บุกรุกเป็นนักการเมืองท้องถิ่นชื่อว่าอะไร แต่ตำรวจ นายอำเภอ และผู้ว่าฯกลับไม่ดำเนินการใดๆ
@@ ผู้ว่าฯแจงตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน
ต่อมา ผู้ว่าฯเจษฎา ชี้แจงว่า ทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับผู้บุกรุกโบราณสถานแล้ว 1 ราย คือ นายสมบัติ เหาตะวะนิช ส่วนผู้บุกรุกรายอื่นๆ โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิงหนคร อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลจังหวัดสงขลา
@@ มท.1 สายตรงสั่งผู้ว่าฯสอบสวนให้ชัด
ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้สอบสวนข้อเท็จจริงการการบุกรุกโบราณสถานเขาแดง
สำหรับโบราณสถานสำคัญของเมืองสงขลา มีเนื้อที่ถึง 2,200 ไร่ ตั้งอยู่ในเทือกเขาแดง และเขาเขียว ประกอบด้วย ป้อมปืนจำนวน 9 ป้อม เจดีย์องค์ดำ เจดีย์องค์ขาว ประตูเมือง กำแพงเมือง เพื่อป้องกันการบุกรุกในสมัยที่เมืองสงขลายังชื่อว่า “เมืองสิงกอร่า”
มีวัดโบราณอีก 3 วัด คือ “วัดเขาน้อย” ที่ถูกบุกรุกจากผู้มีอิทธิพลเข้าไปทำบ่อลูกรังและขุดดินขาย “วัดสุวรรณคีรี” และ “วัดบ่อทรัพย์”
โบราณสถานทั้งหมดนี้ จังหวัดสงขลาอยู่ระหว่างการรวบรวมเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
@@ “เดชอิศม์” ฟ้อง “บรรจง” กล่าวหาพาดพิง
การออกมาเคลื่อนไหวของ นายบรรจง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย และเครือข่ายภาคประชาสังคม บานปลายถึงขั้นมีการฟ้องร้องกัน
นายบรรจง กล่าวพาดพิงถึงคนใกล้ชิดของ ส.ส.เดชอิศม์ ขาวทอง จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ว่าเกี่ยวข้องกับกรณีบุกรุกเขตโบราณสถานเขาแดง และทางผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 ได้แจ้งความดำเนินคดีกับคนใกล้ชิดผู้นี้ แต่ไม่มีความคืบหน้า
15 มี.ค.65 ส.ส.เดชอิศม์ มอบหมายให้ทนายยื่นฟ้อง นายบรรจง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทำให้ ส.ส.เดชอิศม์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง และสังคมเข้าใจผิด
ขณะที่ นายบรรจง กล่าวสั้นๆ ว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ ยืนยันว่าตนได้ทำหน้าที่บอกความจริงกับสังคมว่าเกิดอะไรขึ้นกับแหล่งประวัติศาสตร์เมืองเก่าสงขลาบ้าง แต่เมื่อถูกฟ้อง ก็ต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
@@ ยื่นเรื่อง กมธ.กฎหมายฯ สอบสวนอีกทาง
อีกด้านหนึ่ง สมาคมสมาพันธ์คนคาบสมุทรสทิงพระ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบกรณีมีผู้บุกรุกพื้นที่โบราณสถาน บริเวณเมืองสงขลาเก่า ต.หัวเขา อ.สิงหนคร
โดยมี ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี และ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้แทนรับหนังสือ ซึ่งการยื่นเรื่องร้องเรียนครั้งนี้ ทำกันบริเวณป้อมเมืองเก่า อ.สิงหนคร โดยมีนายอำเภอสิงหนครร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
ส.ส.อาดิลัน กล่าวว่า จะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในลำดับต่อไป
@@ ผู้ว่าฯแถลงใหญ่ - ตร.ยันผู้ต้องหา 3 คน ยังไม่โยงอิทธิพล
16 มี.ค.65 ผู้ว่าฯเจษฎา แถลงข่าวอีกครั้ง ร่วมกับผู้แทนจากตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ป่าไม้ พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องระดับจังหวัดและอำเภอ
สาระสำคัญสรุปว่าตำรวจยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา นับตั้งแต่ที่มีข้อมูลทางสื่อมวลชน จังหวัดมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการตรวจสอบ พบความเสียหาย 3 จุด ซึ่งตำรวจได้มีการตั้งคณะทำงาน ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ยืนยันว่าที่ดินบริเวณโบราณถานไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ
พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ขยายความว่า ความเสียหายทั้งหมด 3 จุด
จุดแรก เป็นการตัดถนนเข้าป่าระยะทาง 1.5 กิโลเมตร
จุดที่สอง โบราณสถานเขาน้อย ใกล้กับเขาแดง ที่มีเจดีย์โบราณบนยอดเขา มีการตัดถนนเข้าป่าเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 จุด มีผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว 3 คน
จุดที่สาม มีการทุบทำลายฐานเจดีย์องค์ดำ บนยอดเขาแดง ซึ่งจุดนี้กำลังสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งขณะนี้ต้องเร่งสืบสวนขยายผลต่อเนื่องเพื่อหาตัวผู้ร่วมขบวนการ ยืนยันว่ายังไม่เชื่อมโยงกับกลุ่มนายทุนหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
@@ ยื่นร้อง “ประธานฯชวน - หัวหน้าจุรินทร์”
นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนพิทักษ์สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่อกรณีที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ยื่นฟ้อง นายบรรจง นะแส โดยมองว่าเป็นการฟ้องปิดปาก แม้จะเป็นสิทธิตามกฎหมายก็ตาม
เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก ระบุตอนหนึ่งว่า ผู้ฟ้องเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายชวนเองก็เน้นย้ำเรื่อง “ประชาธิปไตยสุจริต” อยู่เสมอมา นักการเมืองจึงต้องทำให้ประชาธิปไตยสุจริต ควรใจกว้าง ยอมรับการตั้งคำถาม ข้อวิพากษ์วิจารณ์ และพร้อมที่จะถูกตรวจสอบจากสังคมด้วย มิใช่เมื่อถูกประชาชนตั้งคำถาม กลับมาฟ้องร้องประชาชน จึงขอให้ ส.ส.เดชอิศม์ ถอนฟ้องนายบรรจง เพื่อร่วมสร้างบรรทัดฐาน “ประชาธิปไตยสุจริต” เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมผลักดันความเป็นธรรมาภิบาลในบ้านเมือง
17 มี.ค.65 นายบรรจง ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กอีกรอบ เพื่อชี้แจงเรื่องที่ถูกฟ้อง หลังจาก ส.ส.เดชอิศม์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเรื่องนี้ โดยนายบรรจงยืนยันว่าการออกมาตั้งคำถามของตน และพาดพิงนายเดชอิศม์ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมเรียกร้องให้ ส.ส.เดชอิศม์ สนับสนุนให้ข้าราชการตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไร้การใช้อำนาจอิทธิพลทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม