แม่ทัพภาคที่ 4 เตรียมลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านปาดังเบซาร์ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มาเลย์ยิงปะทะกับขบวนการค้าใบกระท่อมชาวไทย ขณะกำลังส่งของข้ามแดน ทำให้กองกำลังเสือเหลืองเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่กลุ่มลำเลียงยาเสพติดเจ็บ 3 หนีเข้าฝั่งไทย ตามรวบได้ทั้งหมด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ของทางการมาเลเซีย โดยมีการเสนอข่าวกันอย่างเกรียวกราว และมีการออกแถลงการณ์โดยกระทรวงกิจการภายใน หรือกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียด้วย
แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่กองกำลังปฏิบัติการทั่วไปเสียชีวิตในเหตุการณ์โจมตีที่ชายแดนมาเลเซีย-ไทย โดยตำรวจกองกำลังปฏิบัติการทั่วไป หรือ PGA ยิงปะทะกับกลุ่มผู้ลักลอบ เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันอังคารที่ 24 พ.ย.63 ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซียซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง โดยจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กำแพงเขตแดนปาดังเบซาร์ รัฐเปอร์ลิส
จากการสืบสวนทราบว่า เหตุการณ์โจมตีเริ่มจากการที่เจ้าหน้าที่ 2 นายกำลังปฏิบัติการสืบข้อมูลการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายข้ามแดนในบริเวณที่เกิดเหตุ และถูกโจมตีโดยกลุ่มขนใบกระท่อม ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ โดยกำลังลักลอบขนสินค้าข้ามเขตแดนมาเลเซีย-ไทย
ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำลังปฏิบัติการทั่วไปเสียชีวิต 1 นาย คือ ร้อยตำรวจเอก บาฮารุดดิน บิน รัมลี อายุ 54 ปี หลังได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตี ส่วนอีกนายหนึ่ง คือ ร้อยตำรวจเอก โนรีฮัน บุต ตารี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในรัฐเปอร์ลิส
มีรายงานเพิ่มเติมว่า จุดเกิดเหตุยิงปะทะกันอยู่ใกล้กับหลักเขตแดนที่ 9/7 ตรงข้ามกับบ้านตะโละ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ลึกเข้าไปทางฝั่งมาเลเซียประมาณ 600 เมตร โดยหลังเกิดเหตุมีกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเหตุยิงปะทะ หลบหนีเข้ามายังฝั่งไทย 3 ราย แต่ละคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และยังมีคนไทยถูกจับในฝั่งมาเลเซียอีก 1-2 คน
หนึ่งในคนไทยที่ถูกเจ้าหน้าที่มาเลย์จับกุม ทราบชื่อคือ นายมะหะหมัดยูสบ ตะหลา อายุ 34 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.สงขลา ส่วนคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บและหนีข้ามแดนกลับมาจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายสรรชัย หมัดสุวรรณ อายุ 42 ปี อาการสาหัส แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, นายอรุณ หมัดสุวรรณ อายุ 48 ปี ถูกยิงที่ต้นขาขวา พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสะเดา และ นายราเชณย์ หนุมาน อายุ 19 ปี ถูกยิงที่แขน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสะเดา เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายราเชณย์ไปชี้จุดเกิดเหตุในเบื้องต้นด้วย ทั้งสามคนมีภูมิลำเนาอยู่ในปาดังเบซาร์
โดยตั้งแต่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารราบที่ 5021 (ร้อย ร.5021) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ร่วมกับตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 สงขลา ได้ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณริมรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่เป็นเส้นทางเข้าออกของกลุ่มผู้ค้าของผิดกฎหมาย และหลบหนีหลังเกิดเหตุยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่มาเลเซีย
ขณะที่มีรายงานจากฝั่งมาเลย์ว่า เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นอาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลอบยิงเจ้าหน้าที่ PGA ขณะลาดตระเวนบริเวณชายแดนบ้านบูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดาห์ ฝั่งตรงข้าม อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา
มีรายงานด้วยว่า พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เตรียมเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย.63 ส่วนความคืบหน้าทางคดี หากมีการพิสูจน์ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 รายเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ก็คาดว่าจะมีการส่งตัวให้ทางการมาเลย์ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เปิดพฤติการณ์แก๊งขนกระท่อมข้ามแดน
"ทีมข่าวอิศรา" ลงพื้นที่ปาดังเบซาร์ ตรวจสอบข้อมูลขบวนการขนใบกระท่อมข้ามแดน พบว่ากลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ ทำหน้าที่รับจ้างขนของข้ามแดนเป็นหลัก โดยแบ่งสายกันทำงาน เช่น เคลื่่อนย้ายน้ำมันเชื้อเพลิงหนีภาษี หรือน้ำมันเถื่อน ขนของหนีภาษี พวกขนม เสื้อผ้า และกลุ่มที่ขนยาเสพติด แต่ก็มีบางกรณีที่ทำงานข้ามสายกัน เพราะเป็นเครือข่ายที่รู้จักกันหมด ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่
ขบวนการรับจ้างขนสินค้าผิดกฎหมายข้ามแดนนี้ มีทั้งที่เป็น "กองทัพมด" เดินข้ามแดนแล้วส่งต่อฝ่ายโลจิสติกส์ เพื่อขนสินค้าเข้าไปในเมือง ส่วนใหญ่จะเน้นของอุปโภคบริโภค ขนม เสื้อผ้า หรือแม้แต่สุรา บุหรี่ กับอีกพวกหนึ่งเป็น "กลุ่มขนยาเสพติด" จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ เพื่อความรวดเร็ว หลบหนีได้คล่องแคล่ว และพาพาอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตัว วิธีการทำงานจะมีทั้งการลักลอบ โดยอาศัยช่องโหว่ของมาตรการป้องกันชายแดนทั้งสองประเทศ หรือไม่ก็ใช้วิธีจ่ายส่วย จ่ายผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่นอกแถวบางราย
ชายชาวปาดังเบซาร์ วัย 45 ปี ให้ข้อมูลกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ขบวนการขนกระท่อมมีทั้งคนไทยและคนมาเลย์ร่วมขบวนการ และมีการทำกันมานานแล้ว โดยเฉพาะชายแดนด้าน อ.สะเดา จ.สงขลา แม้แต่ช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งไทยและมาเลเซียมีมาตรการปิดด่านพรมแดน แต่กลุ่มขบวนการเหล่านี้ก็ยังลักลอบขนสินค้าได้ตามปกติ ถูกเจ้าหน้าที่จับได้บ้าง รอดมาได้บ้าง แล้วแต่จังหวะและโอกาส
"ขบวนการนี้มีตลอด ไม่เคยหยุดทำงาน จริงๆ แล้วคนพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วย เพราะทำธุรกิจผิดกฎหมาย และทำให้ชาวบ้านทั่วไปถูกมองในแง่ลบ แต่กลุ่มนี้ทำ กันมานาน เป็นขบวนการใหญ่ กระจายผลประโยชน์ทั่วถึงหลายกลุ่ม จึงอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้ และแน่นอนว่าต้องมีผู้ถือกฏหมายอยู่ในขบวนการด้วย"
ข้อมูลที่ได้จากชาวบ้าน ยังระบุเพิ่มเติมว่า ยาเสพติดโดยเฉพาะใบกระท่อม จะมีการขนใส่กระสอบ และบรรทุกรถมอเตอร์ไซค์ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 5 คน 5 คัน แต่กลุ่มที่ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่มาเลเซียเป็นกลุ่มใหญ่ มีทีมงานถึง 13 คน
--------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยลงพื้นที่ชายแดนด้านปาดังเบซาร์ เพื่อตรวจสอบเหตุยิงปะทะระหว่างขบวนการขนใบกระท่อม กับเจ้าหน้าที่มาเลเซียจนเกิดการสูญเสีย โดยทางการมาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อสื่อมวลชนด้วย
อ่านประกอบ :
มาเลย์เปิดคลิปแฉ "กองทัพมด" ขนสินค้าเถื่อนข้ามพรมแดนไทย
ชมคลิปวิดีโอ...ผ่าวงจรธุรกิจมืดชายแดนใต้ ความจริงในม่านหมอกความรุนแรง!