กอ.รมน.ภาค 4 สั่งตรวจสอบ "แชทหลุด" เจ้าหน้าที่คุกคามทางเพศใน State Quarantine อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังโดนแชร์ว่อนในโซเชียลมีเดีย เบื้องต้นยังไม่ฟันธง เพราะไม่ระบุตัวตนผู้ถูกกล่าวหา วอนผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันฟันไม่เลี้ยง หวั่นปล่อยอึมครึมเข้าทางกลุ่มโจมตีกองทัพ
มีการเผยแพร่ข้อมูลของผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างว่าหญิงสาวที่ถูกกักตัวสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วันในสถานที่กักกันตัวของ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ถูกเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในสถานที่กักกันตัว ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชั่นขอร่วมหลับนอน แต่หญิงสาวตอบปฏิเสธ โดยในโซเชียลมีเดียมีการนำแชทระหว่างเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกระบุว่าเป็นทหาร และแชทหาหญิงสาวมาเปิดเผยด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในพื้นที่
ข้อความพูดคุยผ่านแอปฯที่ถูกนำมาเปิดเผย เป็นข้อความของฝ่ายชายเข้ามาทักทายฝ่ายหญิง ตอนแรกก็ชื่นชมความน่ารักของฝ่ายหญิง แต่หลังจากนั้นมีการส่งข้อความขอมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ฝ่ายหญิงตอบปฏิเสธ และด่ากลับ โดยมีข้อความบางส่วนของฝ่ายหญิงระบุว่าชายคนนี้เป็นทหารที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ถูกกักกันสังเกตอาการ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้สร้างกระแสร้อนแรงในโซเชียลมีเดีย มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ตำหนิการกระทำของเจ้าหน้าที่ โดยมีข้อความแสดงความคิดเห็นจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางรายแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และบอกว่าเมื่อมีประชาชนร้องเรียนมาแบบนี้ ก็จะนำเรื่องทั้งหมดรายงานผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาให้รับทราบต่อไป เพราะคนที่ใส่เครื่องแบบในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน จำเป็นต้องปฏิบัติต่อประชาชนให้ดี ไม่มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวแบบนี้
ทีมข่าวได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค4) เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตรวจสอบยาก เพราะไม่มีการระบุตัวตนของทั้งผู้เสียหายและบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้กระทำ แต่เบื้องต้นได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ อ.รือเสาะ ไปตรวจสอบข้อมูลตามที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์แล้ว หากพบว่าเป็นเรื่องจริง ก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัยทหาร และละเมิดกฏเหล็กของแม่ทัพภาคที่ 4 สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องห้ามมีปัญหาเรื่องชู้สาวอย่างเด็ดขาด
"ผู้เสียหายควรเปิดเผยข้อมูลของผู้ที่คุกคามให้ต้นสังกัดทราบ หรือควรเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย ทาง กอ.รมน.ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด เพราะหากเป็นเพียงข้อความเท่าที่ปรากฏโดยไม่ระบุตัวตน อาจทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปขยายผลบิดเบือนโจมตีกองทัพให้ได้รับความเสียหายได้ และที่ผ่านมาก็มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่อยู่บ้างเหมือนกัน" พล.ต.ปราโมทย์ กล่าว
ขณะที่ นางปาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นรองผู้ว่าฯหญิงคนแรกในพื้นที่ชายแดนใต้ กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นจากสื่อแล้ว และได้สังการให้นายอำเภอรือเสาะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน
สำหรับนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 ทุกคนที่ผ่านมา รวมทั้ง "บิ๊กเดฟ" พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพคนปัจจุบัน ได้ประกาศกฎเหล็กควบคุมกำลังพล ต้องไม่มีพฤติกรรมเชิงชู้สาว ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลและกองทัพเพื่อให้ข้าราชการทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจริงใจ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ลดเงื่อนไขในการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
มีรายงานว่า ฝ่ายหญิงผู้เสียหายไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืด และไม่อยากให้เป็นคดีความอะไร เนื่องจากผู้เสียหายได้ตอบปฏิเสธตั้งแต่แรก แต่ปรากฏว่ามีคนที่ทราบเรื่อง นำข้อความที่พูดคุยกันไปเปิดเผย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บานปลาย เพราะในสังคมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และที่ผ่านมาปัญหาชู้สาวระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับหญิงชาวบ้านในพื้นที่ก็เป็นประเด็นอ่อนไหวมาโดยตลอด โดยฝ่ายกองทัพเองก็พยายามแก้ไข และประกาศเป็นกฎเหล็กออกมา