เรื่องราวผู้อำนวยการโรงเรียนโชว์ปืนหน้าเสาธง พ่วงด้วยการถูกแจ้งความฐานล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์ที่เรียนอยู่แค่ชั้น ม.3 เริ่มเงียบหายและคลายความร้อนแรงไปตามวันเวลา
แต่เรื่องราวชะตาชีวิตของเด็กสาวและครอบครัวยังไม่จบ หนำซ้ำยังมีแง่มุมสะท้อนใจถูกเปิดเผยขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เด็กสาว ม.3 อายุยังไม่เต็ม 15 ปีคนนี้ มาจากครอบครัวที่พ่อกับแม่แยกทางกัน และต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวใหญ่ เด็กสาวต้องรับหน้าที่ดูแลตากับยายที่แก่ชรา ไม่สามารถเดินไปไหนได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะคุณตาที่อยู่ในสภาพใกล้เคียงกับคำว่า "พิการ" เพราะแผลและอาการที่เคยถูกกราดยิงจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกำเริบจนเดินเหินไม่ไหว
"คนร้ายกราดยิงใส่เมื่อราวๆ 15 ปีที่แล้ว" คุณตาของเด็กสาวเริ่มเล่า "เมื่อก่อนผมจะเป็นคนไปรับไปส่งหลานไปโรงเรียนทุกวัน แต่ช่วงหลังมานี้เดินไม่ไหว ก็ต้องให้เขาขับรถไปโรงเรียนเอง"
บ้านของครอบครัวนี้อยู่ห่างจากโรงเรียนกว่า 10 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว เต็มไปด้วยป่ายางพารา สภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้เด็กสาวไปโรงเรียนตามลำพัง แต่เมื่อไม่มีทางเลือก ก็จำต้องทำ
"ทุกๆ วันหลานจะช่วยงานที่บ้านจนเสร็จ จึงจะออกไปโรงเรียน ตอนเย็นก็จะกลับมา ทุกวันหลานอยู่ในสายตา จึงไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดเรื่องขึ้น ทุกวันนี้ก็เครียด ห่วงหลาน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร" คุณตาของเด็กสาว เล่าถึงกิจวัตรประจำวันของครอบครัว และความรู้สึกไม่อยากเชื่อในเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น
"ทุกวันนี้สุขภาพของผมไม่ค่อยดีนัก เพราะจะปวดขาตลอด ยิ่งอากาศรหนาวๆ ขาจะยิ่งกระตุก ถ้าเป็นเวลากลางคืนจะไม่สามารถนอนได้เลยจนเช้า พอนอนไม่ได้สุขภาพก็แย่" เป็นผลข้างเคียงจากการถูกกราดยิงในสถานการณ์ความไม่สงบ
เหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นเมื่อปี 49 ช่วงต้นๆ ของไฟใต้ คนร้ายยิงใส่ กระสุนเจาะเข้าที่บริเวณเอวหลายนัด และโดนที่ข้อเท้าด้วย จุดนี้เองที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน
"ก่อนหน้านี้ก็คิดว่าหายแล้ว แต่มาระยะหลัง ค่อยๆ รู้สึกชาที่ละนิด จนตอนนี้เดินแทบไม่ได้" คุณตาของเด็กสาวเล่า
เรื่องแย่ๆ ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บที่กำเริบขึ้น แต่เงินช่วยเหลือที่เคยได้รับเดือนละ 4,500 บาท ในโครงการจ้างงานเร่งด่วน ปัจจุบันก็ไม่ได้รับแล้ว เพราะได้รับมาครบ 10 ปี แต่ด้วยวัยและอาการบาดเจ็บ ทำให้ยิ่งจนหนทางในการทำมาหากิน
"เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ยอมรับ เขาบอกไม่ได้ก็ไม่ได้ แต่ถ้ามีความช่วยเหลือจากหน่วยงานไหนได้บ้าง ก็อยากให้ช่วยพาไปหาหมอ เผื่อว่าจะมีทางรักษามากกว่านี้ เพราะมันปวดมาก ทายาร้อนก็เอาไม่อยู่ ไปหาหมอที่หาดใหญ่ (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) หมอบอกว่ากระดูกทับเส้น แนวทางรักษาคือต้องผ่าตัดอย่างเดียว และเมื่อผ่าตัดหมอบอกว่าก็ไม่รู้ว่าจะเดินได้อีกหรือไม่ ก็เลยเลือกไม่ผ่าดีกว่า แต่ถ้ามีเงินก็อยากไปหาหมอที่อื่นบ้าง จะได้ไม่ต้องทนเจ็บแบบนี้"
สิ่งที่เหยื่อไฟใต้ต้องเผชิญเหมือนๆ กันก็คือ เมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบผ่านพ้นไป เงินเยียวยาก็เริ่มหดหาย ร่อยหรอ สิทธิ์ที่เคยได้รับ ก็เริ่มไม่ได้ คนที่เคยมาเยี่ยม ก็หายหน้า โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐไม่เคยมาอีกเลย
"ถ้าหน่วยงานไหนพอจะรักษาได้ ก็อยากให้มาดู ตอนนี้ไม่มีใครมาเลย เพราะเหตุการณ์ก็เกิดมานานแล้วด้วย ก็เข้าใจนะว่าเขาคงลืมเหตุการณ์กันหมดแล้ว แต่ความเจ็บปวดยังมีอยู่ แม้มันไม่ได้เกิดขึ้นมาทันที แต่ผลข้างเคียงที่ถูกยิงที่ข้อเท้าทำให้ขากระตุกจนทุกวันนี้"
เรื่องราวของคุณตาที่ต้องมาร่วมแบกรับปัญหาของหลานสาว ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่มีกำลังใจเหลืออยู่เลย ทำให้ชายชรายิ่งหดหู่...
"อยากได้แค่กำลังใจ อยากให้มาเยี่ยมเยียนกันบ้างก็พอ"