ทางการเมียนมาสั่งดำเนินคดีนายท้ายเรือ และ 22 นักท่องเที่ยวไทยที่ลงเรือตกปลาพลัดเข้าไปในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน หลังกลุ่มผู้เคราะห์ร้ายส่งข้อความร้องเรียนผ่านสื่อ เหตุถูกจับมาร่วมเดือนแล้ว ต้องอยู่อย่างลำบาก แต่ยังไม่มีวี่แววได้รับความช่วยเหลือเพื่อกลับบ้าน
นักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่มนี้มีทั้งหมด 22 คน ได้ลงเรือท่องเที่ยว "โพลาริส วัน" เพื่อไปตกปลาใกล้กับหมู่เกาะสุรินทร์ โดยมีลูกเรือ 2 คนเป็นชาวเมียนมา ออกจากท่าเรือระนองเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน และถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาควบคุมตัวในวันถัดมา เนื่องจากเรือพลัดหลงเข้าไปในเขตน่านน้ำเมียนมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ประกอบกับเครื่องปั่นไฟบนเรือขัดข้อง
นายอภิวัฒน์ ชอบทำดี อายุ 36 ปี หนึ่งในนักท่องเที่ยวชาวไทย เล่าว่า อยากได้รับความช่วยเหลือจากทางการไทย เพราะถูกคุมตัวในเมียนมาเกือบ 1 เดือนแล้ว โดยถูกกักตัวใน "สถานกักโควิด" เป็นโรงเรียนเก่าๆ มีความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ต้องนอนบนโต๊ะ-เก้าอี้ ยังดีที่ทางการไทยส่งฟูกมาให้ จึงช่วยลดความลำบากได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังลำบากเรื่องอาหารการกิน และห้องน้ำที่ไม่เหมาะกับคนสูงอายุ ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่นไม่มีความคืบหน้า
นายอภิวัฒน์ ยังบอกว่า คนที่เดินทางทริปเดียวกัน มีทั้งนักธุรกิจ ผู้รับเหมา และพนักงานบริษัท ถือว่าได้ร้บผลกระทบมาก บางคนต้องขาดงาน อาจจะถูกไล่ออกจากงาน จึงขอความเมตตาจากทางการไทยประสานช่วยเหลือพวกตนด้วย เพราะพวกตนไม่ได้กระทำผิดอะไร ตอนที่ถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาค้นเรือก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ไม่มีอุปกรณ์หาปลาเชิงพาณิชย์
สำหรับคนไทยทั้งหมดหลังถูกจับ ถูกคุมตัวอยู่ที่เกาะย่านเชือก ประเทศเมียนมา เป็นเวลา 6 วัน จากนั้นจึงส่งต่อไปที่เกาะสอง เช่นเดียวกับเรือ "โพลาริส วัน" ที่ถูกยึด ก็จอดอยู่ที่เกาะสอง เจ้าหน้าที่แจ้งเพียงว่าทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดี และถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโควิด-19 เป็นเวลา 21 วัน
ด้านความช่วยเหลือจากทางการไทย มีทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ช่วงแรกได้ประสานทางการเมียนมาให้ย้ายลูกเรือทั้งหมดไปพักในโรงแรม เพื่อความสะดวก แต่คำร้องขอไม่เป็นผล
ขณะที่ พลตรี ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับ ได้ดำเนินการในฐานะคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ไทย–เมียนมา แต่เจ้าหน้าที่เมียนมาแจ้งว่า เรื่องอยู่ที่รัฐบาลกลาง และต้องดำเนินคดีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จึงถือว่าพ้นอำนาจของระดับท้องถิ่น ต้องประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศให้ตั้งทนายไปขอประกันตัว สรุปในระดับท้องถิ่นจึงทำได้เพียงส่งของใช้จำเป็นเข้าไปช่วยเหลือ
ด้าน นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสั้นๆ ว่า "เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่"
ล่าสุด "ทีมข่าวอิศรา" ได้ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงว่า ได้รับแจ้งจากทางการเมียนมาว่า ได้มีหนังสือจากเขตตะนาวศรี แจ้งไปที่จังหวัดเกาะสองแล้ว ให้ดำเนินคดีฐานเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งนายท้ายเรือ และนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยทางการไทยได้ประสานเพิ่มเติมไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเกาะสอง ให้เจรจากับผู้ว่าจังหวัดเกาะสอง ให้ขยายเวลากักตัวชาวไทย เพื่อจะได้ไม่ต้องย้ายที่ควบคุม ถ้าผู้ว่าฯอนุมัติ ก็จะถูกกักอยู่ที่เดิมเพื่อรอยื่นประกันตัว แต่ถ้าไม่ได้ ต้องย้ายไปกักที่โรงพัก
หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการดำเนินคดี ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ขณะเดียวกันได้ประสานสถานทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ให้ทำหนังสือถึงรัฐบาลเมียนมา ขอให้ปล่อยตัวคนไทยทั้งหมด เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน