สถานการณ์ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ สถิติเหตุรุนแรงลดต่ำ ฝ่ายผู้เห็นต่างเน้นงานมวลชน แย่งชิงประชาชน และฉวยความได้เปรียบจากโต๊ะพูดคุยเจรจา
งานสร้างความเข้าใจและพัฒนา จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของประสิทธิภาพหน่วยงานรัฐที่ปฏิบัติภารกิจ "ดับไฟใต้"
หนึ่งในงานสร้างความเข้าใจ คือเปิดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพบปะพูดคุย โดยกลุ่มคนสำคัญที่มีบทบาทสูงมากในพื้นที่ คือ "ผู้นำศาสนา"
และนี่คือนโยบายหลักที่ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเดินหน้า ทั้งสานต่อและเริ่มใหม่
การพบปะ พูดคุย สร้างความเข้าใจ มีทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ แม่ทัพลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสภาสันติสุขตะบลมะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ที่กองร้อยทหารพรานที่ 4209 กรมทหารพรานที่ 42 ก็ได้พบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และครอบครัว ตลอดจนผู้ปกครองของเยาวชนที่เคยได้รับผลกระทบจากยาเสพติด เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ปัญหาข้อขัดข้อง ตลอดจนถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด การบำบัดรักษา เพื่อคืนลูกหลานกลับสู่สังคม ครอบครัว ด้วยการให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการขับเคลื่อนโดยสภาสันติสุขตำบล
กิจกรรมแบบนี้ก็คืองานสร้างความเข้าใจรูปแบบหนึ่ง...
ส่วนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งรับผิดชอบโดยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา โดยบังคับใช้กฎหมายพิเศษอย่าง "พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ" ก็มีการขับเคลื่่อนงานด้านนี้อย่างเข้มข้นเช่นกัน
ฉก.สงขลาตั้ง "คณะทำงาน" เชื่อมประสานผู้นำมุสลิม
เมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา (ผบ.ฉก.สงขลา) ได้พบปะกับนายกสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศานาอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึง ผู้บริหารสถานศึกษาปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 40 แห่ง โดยการพบปะพูดคุยเป็นการทำความเข้าใจ รวมถึงรับฟังความเห็น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 ในการเสริมสร้างความเข้าใจ
เสียงสะท้อนจากวงพูดคุยก็คือ เคยมีการออกคำสั่งที่มีผลกระทบต่อโรงเรียนเอกชนสอนศานา ทำให้ทั้งหน่วยงานรัฐถึง 16 กระทรวงสามารถเข้าไปตรวจโรงเรียนได้ ทั้งที่มีหน่วยงานรัฐรับผิดชอบเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว (สำนักงานการศึกษาเอกชน หรือ สช.) นอกจากนี้ก็อยากให้มีการเชิญโรงเรียนอื่นๆ มาร่วมด้วย ไม่ใช่แค่ 40 โรงเรียนที่ร่วมอยู่แล้ว และพร้อมจะช่วยพัฒนาพื้นที่ให้มีความมั่นคง เจริญก้าวหน้า ไม่มีเหตุรุนแรง
พล.ต.ศานติ กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ว่า การเข้าตรวจโรงเรียนต้องให้เกียรติกัน และตนก็ยึดถือเรื่องนี้ แต่ถ้ามีเหตุเร่งด่วนซึ่งหน้า ให้ใช้วิธีประสานงานกัน พร้อมกันนี้ได้เสนอให้ตั้ง "คณะทำงานพิเศษหน่วยเฉพาะกิจสงขลา" ขึ้นเป็นครั้งแรก ประกอบด้วย ผู้นำศาสนา และผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา อำเภอละ 2 คน ร่วมในคณะกรรมการ หากมีปัญหาหรือข้อเสนอแนะใดๆ จะได้ให้คณะทำงานพิเศษฯ มาสะท้อนเรื่องนี้กับ ผบ.ฉก. และหน่วยเฉพาะกิจสงขลา จะได้ช่วยกันทำให้ปัญหาหมดไป ทั้งยังช่วยป้องกันความขัดเเย้งและเข้าใจผิด แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคดีความ เพราะถ้าเป็นคดี ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
วางกำลังชายแดนสกัดโควิดทะลัก
วันเดียวกัน พล.ต.ศานติ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองบังคับการชุดเฝ้าตรวจ 4306 อ.สะบ้าย้อย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลชายแดนไทย-มาเลเซีย และเป็นหน่วยที่ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองกำลังเทพสตรี
สำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย มีช่องทางธรรมชาติที่ประชาชนใช้ข้ามไปมา ทั้งไปทำงาน ก่อเหตุรุนแรง และหนีโรคระบาด ดังนั้นการสกัดกั้นป้องกันจะต้องทำให้ได้ เพื่อไมให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลักเข้าไทย
ในช่วงที่โควิดแพร่ระบาด ตั้งแต่ประเทศไทยปิดประเทศ และปิดด่านชายแดนทุกด่านเมื่อวันที่ 18 มี.ค.63 ก่อนจะผ่อนผันเปิดด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย 5 ด่าน เมื่อวันที่ 18 เม.ย.จนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามีคนไทยจากฝั่งมาเลเซียข้ามแดนกลับมาตุภูมิทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายมากกว่า 27,000 คน ขณะที่ยังมีคนไทยบางส่วนเลือกที่จะไม่กลับมา
การเข้าประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องแจ้งสถานทูตหรือสถานกงสุลล่วงหน้า เพื่อให้ออกใบรับรอง และกลับมาได้ 5 ช่องทาง คือ ด่านวังประจัน และท่าเรือตำมะลัง จ.สตูล, ด่านสะเดา จ.สงขลา, ด่านเบตง จ.ยะลา และด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
ทุกวันนี้ทั้ง 5 ด่านมีคนไทยเข้ามาไม่มาก ไม่เกิน 30 คนต่อวันต่อด่าน บางวันไม่มีคนไทยข้ามมาเลย ส่วนการเปิดประเทศ ต้องรอสัญญาณจากรัฐบาล แต่ถ้าจะเปิดก็ต้องเปิดพร้อมมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้มาเลเซียประกาศปิดประเทศจนถึง 31 ธ.ค.63 และมีแนวโน้วจะขยายเวลาออกไปอีก
แม่ทัพรุดตรวจพื้นที่รอยต่อ สกัดระบาดระลอก 2
ก่อนหน้านั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปที่หลักเขตแดนที่ 17/4 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดน พร้อมติดตามความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมี พล.ต.ศานติ ในฐานะผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 และผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี, นายชวกิจต์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดา, เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5, ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43, ทหาร ตำรวจ ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ให้การต้อนรับและตรวจพื้นที่ตลอดแนวชายแดน
โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อบำรุงขวัญ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ พร้อมทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองทั้งช่องทางธรรมชาติและทางอ้อม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเกิดการระบาดระลอก 2-3 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงถึงวันละกว่า 1,000 คน
--------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ข่าว-ภาพ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา โดย อัญชลี อริยกิจเจริญ ผู้สื่อข่าวสายทหาร เนชั่นทีวี