"เวลาไม่มีอะไรกิน ผมก็ต้องต้มข้าวให้ลูกกิน...ถามว่าอิ่มไหม มันก็ไม่อิ่ม ลูกๆ ก็ถาม แต่เราไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนผมเองถ้าไม่มีก็ไม่กิน"
นี่คือความลำบากอย่างแสนสาหัสของครอบครัวสะอารี บาหะโร พ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 45 ปีที่ต้องสูญเสียภรรยาไปหลังจากคลอดลูกคนเล็กเมื่อ 9 เดือนก่อน ทำให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงลำพังในการเลี้ยงดูลูกๆ วัยกำลังโตถึง 5 คน
ชีวิตที่เหนื่อยหนักอยู่แล้วกลับย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้งานรับจ้างที่เคยทำอยู่แบบไม่เคยเกี่ยงงาน กลับกลายเป็นไม่มีใครจ้าง เหลือเพียงอย่างเดียวคือรับจ้างกรีดยาง แต่ค่าจ้างก็ต่ำตามราคายางพารา สุดท้ายรายได้ในแต่ละวันแทบจะไม่พอซื้อข้าวให้ลูกกิน มิพักต้องพูดถึงนมหรืออาหารเสริมสำหรับเด็ก เพราะลูกๆ ของเขาไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ
บ้านของสะอารีที่หมู่ 4 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ไม่มีแม้แต่เลขที่บ้าน เพราะแทบไม่มีสภาพเป็นบ้านสำหรับพักอาศัย เนื่องจากมีความกว้างแค่ 2 เมตร ยาว 6 เมตร ไม่มีบันได มีแต่ไม้ขัดกัน 2 ท่อนสำหรับให้ตัวเองและลูกๆ ได้ปีนขึ้นบ้าน เมื่อขึ้นไปบนบ้านแล้ว ถัดไปเพียง 2 เมตรก็เป็นผนัง ไม่มีห้องอะไรเลย มีเพียงพื้นที่ทั้งหมดราวๆ 10 ตารางเมตรสำหรับนอนรวมกัน 6 คน หลังคามุงจาก ส่วนที่ปลายเท้ามีกองผ้าและกะละมังใส่ถ้วยชามที่ใช้รวมกัน แทบนึกไม่ออกเลยว่าถ้าฝนตกแรงๆ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
เมื่อโควิดมา งานก็หาย เงินก็หมด เหลือแต่ข้าวสารเก่าเก็บที่มีไว้กรอกหม้อ เขาทำได้แค่ต้มข้าวเปล่าให้ลูกกิน เมื่อลูกไม่อิ่ม บ่นว่าหิว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่บอกลูกว่าพ่อไม่มีงาน ไม่มีเงิน
"ลูกไม่อิ่ม ลูกก็ถาม ผมก็ได้แต่บอกว่าพ่อไม่มีงาน ต้องอยู่แบบนี้ไปก่อน" เขากล่าวปนสะอื้น
สะอารี พยายามขอรับสิทธิ์เยียวยา 5,000 บาทจากรัฐบาล เพื่อหวังได้เงินมาบรรเทาความเดือดร้อน แต่โชคไม่เข้าข้าง ถูกปฏิเสธจากระบบด้วยเหตุผลที่ว่าขาดคุณสมบัติ เพราะเมื่อกรอกอาชีพว่ารับจ้างกรีดยาง ชื่อของเขาก็ถูกปัดไปเป็นเกษตรกร แต่เมื่อถึงคราวเยียวยาเกษตรกร เขาก็ตกสำรวจอีก เพราะไม่ได้มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง และอาชีพจริงๆ ของเขาคือรับจ้าง
เมื่อหมดหนทาง ความช่วยเหลือจากรัฐก็เป็นแค่ความว่างเปล่า สะอารียอมรับว่าท้อกับสภาพที่เป็นอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะมีภาระรับผิดชอบลูกถึง 5 คน ทำให้บางครั้งถึงกับต้องแอบไปร้องไห้คนเดียว
"ต้องอดทนครับ อดทนอย่างเดียว...ผมเคยแอบร้องไห้ เราให้ลูกเห็นไม่ได้" สะอารีเล่าพลางน้ำตาหล่อรื้นขึ้นมาอีก
พิษร้ายของโควิด นอกจากทำให้ผู้คนเจ็บป่วยล้มตายกันไปจำนวนมากแล้ว ยังทำให้เห็นว่าในบ้านเมืองของเรายังมีครอบครัวที่ทุกข์ยากและเดือดร้อนแสนสาหัสอยู่อีกไม่น้อยเลย...
เรื่องราวที่เป็นดั่งโศกนาฏกรรมชีวิตของสะอารี กลายเป็นที่รับรู้ในวงกว้างเมื่อ "กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้" และทีมข่าวอิศรา นำข้าวสาร อาหารแห้ง ตลอดจนของใช้จำเป็นไปแจกจ่ายผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 โดยเงินที่นำมาซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภคมาจากคนใจบุญที่ช่วยกันบริจาค และทีมงานที่เสียสละเงินคนละเล็กคนละน้อยเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า
หนึ่งในผู้ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ก็คือ นพ.ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนนักรบเสื้อขาวสู้ภัยโควิด-19
หลังจากความทุกข์ยากของครอบครัวสะอารีถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้หน่วยงานรัฐในพื้นที่พร้อมใจกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ทั้งปลัดอำเภอ ตัวแทนจากฝ่ายกิจการพลเรือน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า รวมทั้งทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 หลายคนนำข้าวของเครื่องใช้ติดมือเข้าไปเยี่ยม และมอบเงินให้สะอารีสำหรับดูแลครอบครัว
ที่สำคัญทหารยังได้ซ่อมบ้านและสร้างบันไดให้ เพื่อที่สะอารีและลูกๆ จะได้เดินขึ้นบ้านได้อย่างสะดวก ไม่ต้องปีนป่ายบนท่อนไม้เหมือนที่เคยเป็นมา
ในวันที่ทหารช่วยสร้างบันไดจนสำเร็จ ได้ขอให้เด็กๆ ลูกของสะอารีไปนั่งรวมกันบนขั้นบันไดที่ทำขึ้นง่ายๆ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส...
เป็นรอยยิ้มจากธารน้ำใจที่ไม่เคยเหือดหายไปจากสังคมไทย...แม้ในวิกฤติโรคระบาด