
เป็นธรรมดาที่แต่ละเมืองจะมีร้านอาหารชื่อดัง ยอดนิยม เป็นที่รู้จัก และสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น
แต่สำหรับนราธิวาส เมืองใหญ่ปลายด้ามขวาน เป็นชุมชนพหุวัฒนธรรม ทำให้ร้านอาหารที่นั่นโดดเด่นในแนวผสมผสาน จึงมีความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร
ที่นราธิวาส ไม่มีใครไม่รู้จัก “ร้านยะกังโภชนา” ตั้งอยู่เลขที่ 3 บ้านยะกัง 1 ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ดูจาก “บ้านเลขที่” คงพอจะเดาออกว่าร้านนี้เก่าแก่ขนาดไหน
ชื่อ “ยะกัง” ตั้งตามชื่อคลองและชุมชนเก่าแก่ของเมือง แต่สำหรับคนนอกพื้นที่อาจไม่ค่อยคุ้นหูนัก

ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเทศบาลเมือง หากใช้เส้นทางผ่านโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือใกล้กับเชิงสะพานยะกัง 1 บนเส้นทางไปสถานีรถไฟตันหยงมัสอันโด่งดังเรื่องลองกอง
จุดสังเกตที่ง่ายที่สุดคือ หน้าร้านที่มีคนแน่นๆ นั่นแหละ “ยะกังโภชนา”
ร้านอาหารเก่าแก่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานแห่งวงการอาหารพื้นบ้านของนราธิวาส เปิดขายมาอย่างยาวนานไม่ต่ำกว่า 40 ปี ร้านแห่งนี้ยังคงอนุรักษ์วิธีการปรุงแกงแบบโบราณ ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้าน คือ ข้าราชการจากทุกหน่วยงานทั้งในและนอกนราธิวาส ทั้งยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย รวมถึงนักท่องเที่ยวคนไทยแวะเวียนมารับประทานกันไม่ขาดสาย เหมือนกับคนพื้นที่ที่ชื่นชอบอาหารพื้นบ้านรสชาติดั้งเดิมแบบชายแดนใต้ ที่มานั่งกันแน่นร้านทุกวัน

“ยะกังโภชนา” มีเมนูหลากหลาย ทั้งคาว หวาน ขนมโบราณ และอาหารตามสั่ง เมนูอาหารเช้าเริ่มตั้งแต่ 06.00 น. ที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยม ได้แก่ แกงมัสมั่นเนื้อ, แกงเป็ดโบราณ ซึ่งใช้เป็ดเทศตัวใหญ่, แกงไก่บ้าน, แกงเหลืองปลาอินทรี, เป็ดทอดหมักสมุนไพร, ไก่บ้านทอด เนื้อย่าง และข้าวยำ
สำหรับมื้อเที่ยง เปิด 11.00 น. มีอาหารตามสั่ง, ซุป, ต้มยำ, ผัดคะน้าปลาเค็ม, ผัดเนื้อแดง เมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ “ผัดเนื้อแดง” ซึ่งทางร้านจะใช้เนื้อลายติดมันเล็กน้อย และใช้เวลาต้มนานเพื่อให้เนื้อนุ่ม ก่อนนำไปผัดกับเครื่องปรุงสูตรลับเฉพาะของทางร้าน
เช่นเดียวกับ “แกงเป็ดโบราณ” ที่ได้รับการยกนิ้วให้เป็นเมนูแนะนำอันดับหนึ่งของร้านเช่นกัน ด้วยรสชาติเครื่องเทศที่กลมกล่อม ไม่ถึงกับเผ็ดจัดจ้าน และเสิร์ฟเนื้อเป็ดชิ้นใหญ่เต็มคำ เห็นแล้วน้ำลายไหล
ทางร้านให้ความสำคัญกับวัตถุดิบ โดยเจ้าของร้านจะไปเลือกซื้อของสดๆ ใหม่ๆ จากตลาดสดนราธิวาสมาปรุงอาหารแบบวันต่อวันด้วยตัวเอง แถมคั้นกะทิเอง โดยมีปริมาณการใช้วัตถุดิบต่อวันสูงมาก เช่น เป็ดเทศ 15 ตัว, ไก่บ้าน 10 ตัว, เนื้อวัว 10 กิโลกรัม และปลาอินทรีประมาณ 8 กิโลกรัม

นอกจากของคาวแล้ว ยังมีของหวาน อย่างขนมโบราณหายาก เช่น ขนมตาลกงอาแป้, ขนมตูปะกาเลา
ย้อนกลับไปที่คำว่า “ยะกัง” ชื่อนี้ก็มีตำนาน เพราะเป็นชื่อเรียก “หมู่บ้านยะกัง” มีที่มาจาก “ต้นยาแก” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ในอดีตชาวบ้านเคยโค่นลงเพื่อสร้างสุเหร่าประจำหมู่บ้านและประจำจังหวัดนราธิวาส
วันเวลาผ่านไป ปัจจุบันสถานที่ที่เคยเป็นสุเหร่า วันนี้เป็นที่ตั้งของตาดีกามัดราซะห์อัตตัรบียะห์ อัลยากานียะห์ ริมคลองบ้านยะกัง
ในอดีต...คลองสายนี้เคยเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมขนส่งสินค้า มีท่าเรือขนาดใหญ่ ทำให้ชุมชนบ้านยะกังมีความเฟื่องฟูด้านเศรษฐกิจและการค้าขายอย่างมาก แม้ชาวบ้านส่วนใหญ่ในอดีตจะประกอบอาชีพหลักคือการทำประมงน้ำจืดจากคลองสายนี้ก็ตาม
ปัจจุบัน...ชุมชนยังคงอยู่ และเป็นที่ตั้งของ “ตลาดน้ำชุมชนยะกัง 100 ปี” ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงแค่ 4 กิโลเมตร ตลาดน้ำแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดของ นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2555 เพื่อปลุกความคึกคักของเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อนผลักดัน โดยชุมชนยะกัง ได้รวมตัวกันเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 ก.ค.2559

เมื่อเร็วๆ นี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็เพิ่งพาคณะชุดใหญ่ไปลิ้มรสอาหารที่ร้านยะกังโภชนา ระหว่างลงพื้นที่ในหมวกของประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษป่าทับคน
เป็นการแวะเติมพลังก่อนเข้าพื้นที่ไปประชุมกับชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากนโยบายของรัฐด้านที่ดินและป่าไม้
พ.ต.อ.ทวี ได้ถือโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่บ้านยะกัง และแวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้าน “ยะกังโภชนา” อย่างเป็นกันเอง พร้อมกล่าวชื่นชมวิถีชีวิตที่สงบและวัฒนธรรมการกินของพี่น้องในพื้นที่ด้วย
