โกดังเก็บพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ที่มูโนะ นราธิวาส ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บเกือบ 200 คน และอาคารบ้านช่องเสียหายหลายร้อยหลังคาเรือนนั้น
ไม่ว่าการเคลื่อนย้ายและเก็บวัตถุไวไฟอันตรายล็อตนี้จะได้รับอนุญาตจากทางราชการ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงอย่าง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หรือไม่ก็ตาม แต่หากพิจารณาระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ยืนยันได้เลยว่า พลุมรณะล็อตนี้ มีส่วนหนึ่งส่วนใดผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
คำถามคือใครต้องรับผิดชอบ?
ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 กำหนดให้ “พลุ” “ดอกไม้ไฟ” หรือ “ดอกไม้เพลิง” เป็นวัตถุอันตราย โดยจัดเป็นวัตถุระเบิดชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีดินปืนเป็นส่วนประกอบหลัก
ฉะนั้นกฎหมายจึงกำหนดให้สถานประกอบการหรือโรงงานผลิตต้องตั้งอยู่ห่างจากชุมชม และได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกับดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน
ที่สำคัญไม่อนุญาตให้ดัดแปลงที่พักอาศัยเป็นโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟ
ส่วนประกอบหลักของพลุและดอกไม้ไฟเกิดจากการผสมกันของสารเคมีหลากหลายชนิดที่สำคัญ หากมีความร้อนหรือประกายไฟเกิดขึ้น จะเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
ตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม (เป็น 5 หน่วยงานที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบและตรวจสอบ) เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับ ดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ. 2547 ในส่วนของการผลิตมีข้อบังคับคือ
- กำหนดลักษณะของอาคาร สถานที่ หรือบริเวณที่ผลิตดอกไม้ไฟ ต้องไม่ตั้งอยู่ในชุมชน กำหนดระยะห่างจากอาคารอื่นๆ และห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย 20 เมตรโดยรอบ
- ต้องเป็นอาคารเอกเทศชั้นเดียว
- ต้องติดสายล่อฟ้าที่มีประสิทธิภาพ
- อาคารต้องสร้างด้วยวัสดุไม่ติดไฟ มั่นคง แข็งแรง ป้องกันไฟจากภายนอกลุกลามเข้าภายในได้ พื้นต้องเป็นวัสดุที่ไม่ก่อประกายไฟ ราบเรียบ ไม่ลื่น ไม่แตก ทำความสะอาดง่าย ไม่ดูดซับของเหลวหรือสารเคมี ต้องถ่ายเทอากาศได้ดีและกำหนด
- ห้ามทำการใดๆหรือกิจการใดๆ ที่อาจทำให้เกิดประกายไฟหรือความร้อน เช่น การปรุงอาหาร การจุดธูปเทียน การเจาะ การเชื่อมและประสานโลหะหรือสิ่งอื่นใด เป็นต้น
@@ จากโกดังมรณะ เดินเท้า 9 นาทีถึงโรงพัก!
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของ "ทีมข่าวอิศรา" โดยตั้งต้นที่จุดโกดังระเบิด เมื่อทดลองเดินเท้าไปยังหน่วยงานรัฐที่ควรมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบการกักตุนพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ
ปรากฏว่า เดินเท้าเพียง 9 นาทีจะไปถึงโรงพัก สภ.มูโนะ
เดินเท้าเพียง 4 นาที จะไปถึง อบต.มูโนะ
ส่วนโกดังและอาคารพาณิชย์อีก 2 แห่งซึ่งพบพลุ ดอกไม้ไฟ เพิ่มอีก 1.9 ตัน โดยเป็นอาคารของสองสามีภรรยาเจ้าของโกดังที่ระเบิดเช่นกันนั้น ปรากฎว่าเดินเท้าแค่ 2-3 นาที ก็ถึงท่าข้ามริมแม่น้ำโก-ลก สามารถขนของข้ามไปฝั่งมาเลเซียได้อย่างสะดวก
-----------------
ขอบคุณภาพประกอบจาก รายการข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี