“เขตเลือกตั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเพิ่มเป็น 12 เขต เราพยายามจะให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยก็ 10 ที่นั่งขึ้นไป ส่วนบัญชีรายชื่อ...เราควรจะได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคะแนน”
นี่คือคำประกาศที่น่าจะเรียกได้ว่า “อย่างเป็นทางการ” ของพรรคประชาชาติที่ตั้งเป้าหมายสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปเอาไว้
ที่ต้องบอกว่าเป็นคำประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะคนที่ประกาศไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหัวหน้าพรรคที่ชื่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง
หากได้คะแนนตามเป้า และกฎหมายลูกเลือกตั้งเข้าทาง (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ ที่แก้ไขใหม่) โดยเฉพาะสูตรคำนวณ ส.ส.ที่กำลังถกเถียงกันอยู่ แล้วสุดท้ายบทสรุปอยู่ที่ใช้ตัวหาร 500 เพื่อหา ส.ส.พึงมี (คะแนนเลือกตั้งราวๆ 7-8 หมื่นคะแนน จะได้ ส.ส. 1 คน)
ถ้าสูตรคิดออกมาแบบนี้ เฉพาะปาร์ตี้ลิสต์ หรือบัญชีรายชื่อ 1,000,000 คะแนน จะได้ ส.ส.13-15 คน รวมกับ ส.ส.เขตเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 10 เขต จะทำให้พรรคประชาชาติมี ส.ส.เพิ่มจาก 7 คนในปัจจุบัน เป็น 25 คน
อย่าว่าแต่เสนอกฎหมายได้เลย เพราะจำนวน ส.ส.ขนาดนี้ เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกก็ยังได้
แต่ “อาจารย์วันนอร์” คิดแบบไม่เข้าข้างพรรคเล็ก คือคิดภายใต้สูตรคำนวณตัวหาร 100 (คะแนนเลือกตั้งราวๆ 3 แสนคะแนน จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน) ถ้าเป็นแบบนี้จะได้ ส.ส.รวมแล้วประมาณ 15 คน (เฉพาะปาร์ตี้ลิสต์ 3 คน)
คำประกาศนี้ไม่ได้มาจากการวิเคราะห์กันในวงน้ำชา แต่มาจากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2565 ที่ มูลนิธิมะทา อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นการจัดประชุมตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฯ
นับเป็นการประชุมที่คึกคักเต็มพิกัด เพราะมีสมาชิกจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วม ขณะที่ ส.ส.ก็มากันพร้อมหน้า สมศักดิ์ศรีแชมป์เก่าของพื้นที่ปลายด้ามขวาน
นอกจาก วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคแล้ว ยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหนึ่งเดียวของพรรค รวมไปถึงแกนนำอาวุโสของพรรค เช่น วรวีร์ มะกูดี, นิมุคตาร์ วาบา, ดร.วรวิทย์ บารู, วิทยา พานิชพงศ์, มุข สุไลมาน, ปราโมทย์ แหล่งทองคำ ฯลฯ เรียกว่าแต่ละคนมีประวัติและผลงานยาวเป็นหางว่าว
กิจกรรมสำคัญในการประชุม มีการรายงานการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคประชาชาติ ในรอบปี 2564 โดย พ.ต.อ.ทวี เลขาธิการพรรค และมีการอภิปรายเรื่อง “อดีตเราคือผู้สร้างเสริมสิทธิประโยชน์” รวมถึงการเสวนาเรื่อง “สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของปวงชนชาวไทย กับ 4 ปีพรรคประชาชาติ”
ไฮไลท์ของงานอยู่ที่คำกล่าวของหัวหน้าพรรค วันมูหะมัดนอร์ มะทา
@@ ชายแดนใต้ขอ 10 เก้าอี้ - ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ล้าน
“ผมพูดถึงยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ ในการเลือกตั้ง เมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขกติกาเป็นบัตร 2 ใบแล้ว เราก็เชื่อมั่นว่าพรรคประชาชาติก็จะได้ ส.ส.เขตเพิ่มขึ้น จากเดิมเราได้ 6 คน คราวหน้าเรามั่นใจว่า เราจะต้องได้ 10 ขึ้นไป เพราะว่าคราวที่แล้วมี 11 เขตเลือกตั้ง (เฉพาะในสามจังหวัดชายแดน) เราได้ที่ 1 ด้วยคะแนนต่างจากคนอื่นเป็นหมื่นคะแนน ได้มาทั้งหมด 6 เขตเลือกตั้ง ส่วนอีก 5 เขตเราเสียดาย แพ้หลักร้อยบ้าง หลักพันบ้าง”
“เพราะฉะนั้นคราวหน้า เราก็จะต้องเอาจุดอ่อนและแข็งของเรามาปรับปรุง เพื่อให้ได้ทั้งหมดเลย ที่เราได้ที่ 2 ก็ให้ได้ที่ 1 ซึ่งในเขตเลือกตั้ง 3 จังหวัดนั้น มีเพิ่มเป็น 12 เขต เราพยายามให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยก็ 10 ที่นั่งขึ้นไป”
ส่วนบัญชีรายชื่อ เนื่องจากว่าบัตรเลือกตั้งเป็นบัตรคนละใบกับ ส.ส. เขต เพราะฉะนั้นบัตรที่เลือกเขต ประชาชนเลือก ส.ส.เขตประชาชาติ ก็ขอให้เลือกบัญชีรายชื่อของพรรคประชาชาติด้วย คราวที่แล้ว (บัตรใบเดียว) เราได้ร่วม 500,000 คะแนน แต่คราวนี้ บางคนเขาอาจจะอยู่ในเขตต่างๆ เขาอาจจะมี ส.ส.เขตที่ต้องพัวพัน (ส.ส.เขตของพรรคอื่น) ก็ไม่เป็นไร ก็ให้คะแนนบัญชีรายชื่อกับพรรคประชาชาติได้”
“บัญชีรายชื่อเราควรจะได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน เพราะเมื่อปี 54 พรรคของคุณชูวิทย์ (นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เมื่อครั้งตั้งพรรค และเป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย) เขาคนเดียวหาบัญชีรายชื่ออย่างเดียวเลย ได้ 998,668 คะแนน ส่วนเรามี ส.ส. 6 คน และมีบัญชีรายชื่อ 1 คน แล้วทำงานในสภาด้วย ตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่า น่าจะเพิ่ม 4-5 แสน ก็คือสักล้านหนึ่ง ถ้าล้านหนึ่งเราก็จะได้บัญชีรายชื่ออย่างน้อย 3-4 คน (สูตรคำนวณแบบเอา 100 หาร ส.ส. 1 คนจะต้องมีคะแนนมากกว่า 3 แสนคะแนน) ประชาชาติก็มั่นใจว่าคราวหน้าเราจะได้ ส.ส.อย่างน้อย 15 คน”
“แต่ถ้าลื่นไหลไปได้ ก็อยากจะได้สัก 20 ด้วย อยากจะเสนอกฎหมายด้วยพรรคของเราเองได้ เสนออย่างอื่นได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน แต่เราได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการหาเสียงเลือกตั้ง แล้วก็สงครามเลือกตั้งก็กำลังจะเข้ามา เราก็เตรียมพร้อมของพรรค ไม่ว่าจะเรื่องคนลงสมัครรับเลือกตั้ง เราพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้ง”
“เพราะฉะนั้นในช่วงนี้พรรคประชาชาติก็ไม่ได้หยุดการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง จะเห็นได้ว่าเกือบทุกอาทิตย์เลยเราก็จะลงพื้นที่เพื่อไปหาว่าประชาชนตรงไหนมีปัญหา อะไรและวิธีการแก้ เราจะกำหนดเป็นทิศทางของนโยบายของพรรคประชาชาติต่อไป”
@@ ลุยแก้ปัญหาที่ดินทำกิน - ปลดทุกข์ชาวประมง
หัวหน้าพรรคประชาชาติยังพูดถึงปัญหาของพี่น้องประชาชนที่ได้ประสบพบเจอ ซึ่งพรรคจะนำไปกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขหากได้เป็นรัฐบาล
“ท่านเลขาฯ (พ.ต.อ.ทวี) ได้พบความเดือดร้อนที่เป็นปัญหาของประชาชนอย่างน้อย 2 เรื่องที่ต้องแก้เมื่อการเลือกตั้งสมัยหน้า เสร็จสิ้นแล้ว หนึ่งคือปัญหาที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชน เพราะคนยากจนยังไม่มีที่ดินทำกินเยอะ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจ ของชาวบ้าน”
“สอง คือปัญหาของพี่น้องชาวประมง ซึ่งภาคใต้ของเรามีชาวประมง ทั้งประมงชายฝั่งและประมงขนาดใหญ่ ล้วนแต่มีปัญหา ซึ่งท่านเลขาฯบอกต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่างน้อยให้ชาวประมงที่ไม่สามารถหากินได้ทุกฤดูกาล เวลามรสุม ออกหากินไม่ได้ก็ต้องอด ก็ต้องขอยืมเงิน ซึ่งท่านเลขาฯบอกว่าน่าจะต้องมีกองทุนเหมือนกับกองทุนสวนยาง และกองทุนอื่นๆ เพื่อจะช่วยเหลือชาวประมง เพราะปีหนึ่งๆ พี่น้องชาวประมงทำรายได้เข้าประเทศเป็นหมื่นล้าน แต่ต้องบริหารแบบเข้าใจ ไม่ใช่บริหารแบบไม่เข้าใจเหมือนที่ผ่านมา”