
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'ไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ล้อม นครราชสีมา นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาลงโทษจำคุก 20 ปี รับสารภาพ ลดเหลือ 8 ปี 24 เดือน ไม่เคยต้องโทษ สำนักความผิด น่าเชื่อว่าเข็ดหลาบ ให้รอลงอาญา 3 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ จำเลย มีความผิดตามกฎหมาย
ลงโทษจำคุก กระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 40,000 บาท รวม 4 กระทง จำคุก 20 ปี และปรับ 160,000 บาท
จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้เหลือคงจำคุก 8 ปี 24 เดือน และปรับ 80,000 บาท
ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สำนักความผิด น่าเชื่อว่าเข็ดหลาบ ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ ทำงานบริการสังคม
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา