
ประเด็นข้อสามที่นายอนุทินกล่าวถึงในปฏิญญา ซึ่งมุ่งหมายที่จะยุติการปกครองของกลุ่มอาชญากรในกัมพูชาจึงได้รับการกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว และหากไม่มีประเด็นนั้น เงื่อนไขที่สี่และสุดท้าย ซึ่งก็คือการจัดตั้งกรอบการบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาได้มีการลงนามสันติภาพกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
อย่างไรก็ตาม นายลุค ฮันท์ ผู้สื่อข่าวและนักวิชาการจากออสเตรเลีย ซึ่งเคยมีประวัติเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการ มหาวิทยาลัยปัญณศาสตร์ ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในกัมพูชาที่เน้นสอนแต่ภาคภาษาอังกฤษ ได้เขียนบทความลงเว็บไซต์ The Diplomat วิเคราะห์ว่าเรื่องปัญหาสแกมเมอร์ รวมไปถึงปัญหาการเมืองอื่นๆนั้นอาจจะทำให้การลงนามสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชามีความไม่ยั่งยืน
สำนักข่าวอิศราจึงได้เอาบทความดังกล่าวมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
สัญญาณทางการเมืองทั้งหมดจากประเทศไทยอาจจะเป็นการสื่อสารได้ถึงความไม่จริงจังของกรุงเทพฯ ในการติดตามผลตามปฏิญญาร่วมเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกับกัมพูชาที่ประกาศในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากสหรัฐอเมริกา ยกย่องคำประกาศดังกล่าวว่าเป็น “ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์” และคณะผู้แทนกัมพูชากล่าวถึงการลงนามครั้งนี้ว่าเป็น “ช่วงเวลาประวัติศาสตร์” แต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย ดูเหมือนจะไม่กระตือรือร้นเท่าไรกับการลงนามนี้
พรรคภูมิใจไทยของเขาจะต้องเผชิญกับการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือน มี.ค.และได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียกร้องกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งของไทยที่เรียกร้องให้มีจุดยืนที่เข้มแข็งต่อข้อพิพาทเรื่องพรมแดน และไม่มีอารมณ์ที่จะยอมรับคำประกาศร่วมกันดังกล่าวในฐานะข้อตกลงสันติภาพ
ข่าวการลงนามสันติภาพ (อ้างอิงวิดีโอจาก CNA)
สถานทูตเอเชียอย่างน้อย 5 แห่ง รวมถึงสถานทูตอินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย ปากีสถาน และจีน ได้ออกคำเตือนทางการทูตไปแล้ว และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาซึ่งก็คือนาย ซาร์ เค็ง ได้เคยยืนกรานในช่วงระหว่างดำรงตำแหน่งว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างล้นหลามในสีหนุวิลล์จะยุติลงภายในกลางปีนี้
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะนักข่าวที่ยังคงรายงานข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้กลับถูกข่มขู่ ฟ้องร้องและถูกจับกุม ที่สำคัญก็คือมีการแถลงข่าวเป็นประจำเพื่อปฏิเสธในประเด็นนี้ หรือหากมีปัญหาการค้ามนุษย์ กัมพูชาก็จะแสดงตนเป็นเหยื่อ แม้จะมีหลักฐานมากมายที่ยืนยันตรงกันข้าม
แต่บรรดาผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่ และหน่วยงานสถานทูตประเทศต่างๆในกัมพูชาได้มีการรวบรวมรายงาน การสัมภาษณ์ การเปรียบเทียบบันทึก และส่งรายงานทั้งหมดกลับไปยังประเทศบ้านเกิด โดยที่หน่วยงานด้านความปลอดภัยกำลังติดตามการโทรของกลุ่มมิจฉาชีพไปยังเหยื่อและตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ
ข่าวที่น่ากลัวนั้นได้มีการแพร่สะพัดไปทั่ว และมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โยงกับกลุ่มชนชั้นสูงของกัมพูชา กระทั่งเมื่อต้นเดือน ต.ค. อัยการสหรัฐฯ ของรัฐบาลกลางได้ยึดทรัพย์สินมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (486,120,000,000 บาท) ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของกัมพูชา และได้ออกหมายจับด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคล 146 ราย และได้มีการเสนอร่างกฎหมายที่เรียกว่า “Dismantled Foreign Scam Syndicates Act” หรือแปลเป็นไทยว่ากฎหมายการรื้อถอนองค์กรหลอกลวงข้ามชาติ ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ออกหมายจับ ยึดทรัพย์สิน และเพิกถอนสัญชาติของนักธุรกิจชาวกัมพูชาที่มีชื่อเสียงอย่างน้อยหนึ่งราย
อินฟลูเอ็นเซอร์ต่างชาติรีวิวสีหนุวิลล์ (อ้างอิงวิดีโอจาก Toby's Takeaway)
ปฏิญญาร่วมที่ลงนามในกรุงกัวลาลัมเปอร์ระหว่างไทยและกัมพูชาระบุอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาจะต้อง "เสริมสร้างการควบคุมชายแดนและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อทั้งพลเมืองของเราและชุมชนระหว่างประเทศในวงกว้าง"
ดังนั้น ประเด็นข้อสามที่นายอนุทินกล่าวถึงในปฏิญญา ซึ่งมุ่งหมายที่จะยุติการปกครองของกลุ่มอาชญากรในกัมพูชาจึงได้รับการกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว และหากไม่มีประเด็นนั้น เงื่อนไขที่สี่และสุดท้าย ซึ่งก็คือการจัดตั้งกรอบการบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
กัมพูชาพยายามอย่างหนักที่จะแยกประเด็นสองประเด็นในปฏิญญาออกจากกัน คือ ประเด็นเรื่องอาชญากรรมที่ก่อขึ้นอย่างเป็นระบบและประเด็นสงครามชายแดนที่ไม่ได้ประกาศกับไทย ช่วงเวลาของความพยายามในการแยกประเด็นเหล่านั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว และกัมพูชาจะเป็นจุดสนใจอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
และยังมีประเด็นสุดท้ายที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ และควรต้องได้รับการแก้ไข นั่นก็คือเรื่องของการชดใช้คืน คำถามสำคัญก็คือใครจะเป็นคนจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว จากกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็จะต้องถูกเปิดเผยเมื่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาได้ดำเนินไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา