ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'อุดม นามเมือง' นักวิเคราะห์ สำนักงานป.ป.ส.ภาค 6 พิษณุโลก นำรถตู้หลวงพร้อมพนักงานขับไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 18 ด. หลังรับสารภาพ พวก 1 ราย โดน คุก 1 ปี 16 ด. ได้รอลงอาญาทั้งคู่ - ป.ป.ช.เห็นชอบตาม อสส.ไม่อุทธรณ์สู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายอุดม นามเมือง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 6 อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก กับพวก คือ นายนพรัตน์ จันทร์รักษ์ นำรถยนต์ของราชการ (รถตู้) พร้อมพนักงานขับรถ ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 และ 162 (1) (4) ตามพ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบ ป.อ.มาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2566
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายอุดม นามเมือง จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมาย รับสารภาพ ลดโทษให้ คงลงโทษรวม 4 กระทง จำคุก 2 ปี 18 เดือน และปรับ 92,000 บาท
2. นายนพรัตน์ จันทร์รักษ์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมาย รับสารภาพ ลดโทษให้ คงลงโทษ รวม 4 กระทง คงจำคุก 1 ปี 16 เดือน และปรับ 68,00 บาท
พิเคราะห์พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง เห็นว่าทรัพย์ที่ร่วมกันกระทำความผิดทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 12,430 บาท ไม่มากนัก นอกจากนี้ยังถูกลงโทษทางวินัยอันเนื่องจากการกระทำความผิดในคดีนี้มาบ้างแล้ว หากลงโทษจำคุกอีกอาจไม่เป็นผลดี จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตนเป็นพลเมืองดี โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2568 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ