เผยมติ ป.ป.ช.ตีตกคดี 'พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง' อดีตสนช.-ผบ.ตร. กู้ยืมเงิน 355 ล้าน เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ไม่เข้าข่ายรับทรัพย์สิน มาตรา 103 ข้อกล่าวหาตกไป หลังพบทำสัญญา 4 ฉบับ ชดใช้คืนแล้ว - 'เสี่ยกำพล วิระเทพสุภรณ์' หนีออก นอกปท. เรียกตัวสอบปากคำไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกคดี พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลภายนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กรณีกู้ยืมเงินจำนวน 355,000,000 บาท จากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการวิคตอเรียซีเครท
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เป็นการกู้ยืมเงินกันจริง ชดใช้คืนแล้ว การได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นการได้ทรัพย์สินจากสัญญากู้ยืมเงินนั้น และได้มีการชำระหนี้กันแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 แต่อย่างใด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กู้ยืมเงิน จำนวน 300 ล้านบาท จากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ (เสี่ยกำพลฯ เจ้าของสถานบริการวิคตอเรียซีเครท) เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ในรายการหนี้สินที่ยื่นนั้น ไม่ปรากฏรายการหนี้กู้ยืมเงิน จำนวน 300 ล้านบาท จากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ แต่อย่างใด
ขณะที่ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้ยอมรับต่อสื่อมวลชนว่า มีการกู้ยืมเงินจากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ จริง และเคยรายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว จึงเชื่อได้ว่า พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะอื่น (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) จึงควรตรวจสอบเกี่ยวกับหนี้เงินกู้ยืมเงิน จำนวน 300 ล้านบาท ดังกล่าวว่ามีการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถูกต้องครบถ้วนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 หรือไม่
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง การที่พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กู้ยืมเงินจากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของกิจการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท จำนวน 4 สัญญา ด้วยกัน ประกอบด้วย 1. สัญญาฉบับลงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 จำนวน 355,000,000 บาท 2. สัญญาฉบับลงวันที่ 16 กันยายน 2558 จำนวน 160,000,000 บาท 3. สัญญาฉบับลงวันที่ 13 ตุลาคม 2558 จำนวน 140,000,000 บาท 4. สัญญาฉบับลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 จำนวน 75,000,000 บาท นั้น เป็นการกู้ยืมเงินกันจริง หรือไม่
กรณีดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริงจากสัญญาเงินกู้ทั้งสี่ฉบับ เอกสารเกี่ยวกับการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขารังสิต ชื่อบัญชีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เลขที่ XXX และจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขารังสิต ชื่อบัญชีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เลขที่ XXX ไปยังบัญชีเงินฝากบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง และบัญชีธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาราชประสงค์ เลขที่ XXX ชื่อบัญชี พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ตามจำนวนเงินที่ปรากฏตามสัญญาจริง และปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวแล้วจริง ดังนี้
1. ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 พลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระหนี้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2558 โดยโอนเงินจำนวน 200,000,000 บาท จากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโชคชัย 4 เลขที่ XXX และได้ชำระคืนให้กับนายกำพลฯ แล้ว โดยเป็นการฝากเช็ค เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขารังสิต ชื่อบัญชีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เลขที่ XXX ในวันเดียวกัน ส่วนเงินอีกประมาณจำนวน 155,000,000 บาท พลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระหนี้เป็นพระเครื่องประกอบด้วย 1. พระกริ่งปวเรศ วัดบวรนิเวศ 2. พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ 3. พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว พิมพ์ใหญ่หลังแบบ วัดเครือวัลย์ 4. พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว พิมพ์กลาง หลังเรียบ วัดเครือวัลย์ ชลบุรี 5. พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว พิมพ์เล็ก หลังแบบ วัดเครือวัลย์ ชลบุรี 6. พระปิดตาหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน 7. พระปิดตาหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน และ 8. พระขุนแผนเคลือบ พิมพ์ใหญ่ วัดชัยมงคล
2. ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 16 กันยายน 2558 พลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระหนี้ได้มีการชำระหนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 โดยพลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระหนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 เป็นหุ้นบริษัท เอคิวเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวน 500,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 0.235 บาท รวมเป็นเงิน 117,500,000 บาท ตามใบหุ้นเลขที่ 023101000013346 ซึ่งท้ายสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 16 กันยายน 2558 ได้มีข้อความระบุเพิ่มเติมท้ายสัญญาว่าหนี้ตามสัญญากู้ 2 ฉบับ รวม 75,000,000 บาท + 160,000,000 บาท = 235,000,000 บาท ชำระเป็นหุ้น AQ จำนวน 1,000,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 0.235 บาท = 235,000,000 บาท
3. ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 13 ตุลาคม 2558 พลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระคืนนายกำพลฯ เป็นใบหุ้น AQ ESTATE จำนวน 500 ล้านหุ้น (เลขทะเบียนผู้ถือหุ้น 601672692) ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่พลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 16 กันยายน 2558 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 นั้น ราคาของหุ้นจะอยู่ที่ราคาหุ้นละ 0.235 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 117,500,000 บาท ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่ายอดหนี้ตามสัญญากู้เงินฉบับนี้อยู่เป็นเงินจำนวน 22,500,000 บาท
4. ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 พลตำรวจเอก สมยศฯ ได้ชำระหนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 เป็นหุ้นบริษัท เอคิวเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวน 500 ล้านหุ้น ตามใบหุ้นเลขที่ 02310100013349
อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งสอดคล้องกันจากถ้อยคำของพลตำรวจเอก สมยศฯ ถ้อยคำของนายรังสี ลิบวาณิชย์ พนักงานธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เอกสารรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และแบบธุรกรรมการถอนบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ ระว่าง Silk Goldฯ กับ AQ Estateฯ จำนวน 600,000,000 บาท โดยพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ว่าพลตำรวจเอก สมยศฯ เมื่อได้รับเงินตามสัญญากู้ยืมเงินแล้ว ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปทำการซื้อขายหุ้นจริง โดยเป็นการซื้อขายหุ้นของบริษัท วธน แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (WAT) และบริษัทเอคิวเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ประกอบกับจากการไต่สวนไม่สามารถเรียกนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ให้กู้มาสอบปากคำเพิ่มเติมได้เนื่องจากได้หลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเท่าที่ได้จากการไต่สวนแล้ว จึงมีเหตุทำให้เชื่อได้ว่าพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง และนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกันทั้งสี่ฉบับจริง
ประเด็นที่สอง การที่พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้ชำระหนี้ตามสัญญาฉบับ ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 จำนวน 355,000,000 บาท โดยการโอนเงินคืนจำนวน 200,000,000 บาท และชำระหนี้เป็นพระเครื่อง จำนวน 8 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ และการชำระหนี้ตามสัญญาฉบับลงวันที่ 13 ตุลาคม 2558 จำนวน 140,000,000 บาท โดยได้มีการหักกลบลบหนี้กับใบหุ้น AQ ESTATE จำนวน 500 ล้านหุ้น (เลขทะเบียนผู้ถือหุ้น 601672692) ซึ่งมีมูลค่าหุ้นละ 0.235 บาท รวมเป็นเงิน 117,500,000 บาท โดยมีส่วนต่างจากสัญญากู้ยืมดังกล่าวอยู่จำนวน 22,500,000 บาท นั้น เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
กรณีดังกล่าวเมื่อรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการกู้ยืมเงินตามสัญญาทั้งสี่ฉบับข้างต้นนั้นเป็นการกู้ยืมเงินกันจริง แล้วการได้ทรัพย์สินตามสัญญากู้ยืมเงินทั้งสี่ฉบับ จึงมิได้เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันควรได้ตามกฎหมาย แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการรับทรัพย์สินตามสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนกรณีการชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาดังกล่าวซึ่งปรากฏว่าได้ชำระหนี้ตามสัญญาฉบับลงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 จำนวน 355,000,000 บาท โดยการโอนเงินคืนจำนวน 200,000,000 บาท และชำระหนี้เป็นพระเครื่อง จำนวน 8 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ และการรับชำหนี้ตามสัญญาฉบับลงวันที่ 13 ตุลาคม 2558 จำนวน 140,000,000 บาท โดยได้มีการหักกลบลบหนี้กับใบหุ้น AQ ESTATE จำนวน 500 ล้านหุ้น (เลขทะเบียนผู้ถือหุ้น 601672692) ซึ่งมีมูลค่าหุ้นละ 0.235 บาท รวมเป็นเงิน 117,500,000 บาท โดยมีส่วนต่างจากสัญญากู้ยืมดังกล่าวอยู่ จำนวน 22,500,000 บาท นั้น เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากคำชี้แจงเพิ่มเติมแทนการให้ถ้อยคำของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่ายอมรับชำระหนี้ด้วยพระเครื่องและหุ้นบริษัท เอคิวเอสเตท จำกัด กรณีดังกล่าวเป็นที่เห็นได้ว่าเมื่อเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ที่ได้ตกลงกันไว้ตามสัญญาแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวข้างต้นย่อมระงับไป ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีที่มีการชำระหนี้และเจ้าหนี้ได้ยินยอมรับรับชำระหนี้แล้ว เกิดมีส่วนต่างจากสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าว จึงไม่เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
คณะกรรมการไต่สวนมีความเห็นว่าการกระทำของพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่ได้กู้ยืมเงินจากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของกิจการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท จำนวน 4 สัญญา
@ กำพล วิระเทพสุภรณ์
จากการไต่สวนไม่สามารถเรียกนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ให้กู้มาสอบปากคำเพิ่มเติมได้เนื่องจากได้หลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้วเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเท่าที่ได้จากการไต่สวนแล้ว รับฟังได้ว่าพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง และนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกันทั้งสี่ฉบับจริง เมื่อการได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นการได้ทรัพย์สินจากสัญญากู้ยืมเงิน และได้มีการชำระหนี้กันแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย อันเป็นฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128) แต่อย่างใด ข้อกล่าวหาจึงไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วมีมติว่า จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การที่พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กู้ยืมเงินจากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของกิจการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท จำนวน 4 สัญญา นั้น เป็นการกู้ยืมเงินกันจริง การได้รับเงินจำนวนดังกล่าวก็เป็นการได้ทรัพย์สินจากสัญญากู้ยืมเงินนั้น และได้มีการชำระหนี้กันแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงไม่เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128) แต่อย่างใด
ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
กล่าวสำหรับ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นอกจากนี้คดีนี้แล้ว ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพร้อมพวก รวม 8 คน ในคดีการกลับคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยมีขบวนการช่วยเหลือในการเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วของรถยนต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างต่อสู้คดีในชั้นศาล
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง
- ปปง.อายัดทรัพย์ 'เสี่ยกำพล'พร้อมพวกอีก 9 คน ฐานเอี่ยวค้ามนุษย์ รวม 463 ล้าน
- ปปง.แจ้งแก้ประกาศอายัดทรัพย์เสี่ยกำพล เพิ่ม470ล. เผยชื่อผู้เกี่ยวข้องชัด- รวมตึกวิคตอเรียด้วย
- ใครคือเจ้าของ ‘วิคตอเรีย ซีเครท’ อาบอบนวดดัง โยง 10 แห่ง
- ชัดแล้ว! เชิดลูกจ้าง‘วิคตอเรีย ซีเครท’ ถือหุ้น บ.เก่าชูวิทย์ 8 ล.
- เสี่ยกำพล-เมีย โอนหุ้นหลายตลบ อาบอบนวดอีก 2 แห่ง 100 ล.
- ละเอียดยิบ!เส้นทาง'บ.เชียงรายยูไนเต็ดฯ'ก่อน'ธีระชัย'โผล่หุ้นใหญ่-คนใกล้ชิดลูกเสี่ยกำพล เคยนั่งกก.ด้วย?
- 'อควา'แจงไม่เกี่ยวข้องธุรกรรม'เสี่ยกำพล'โวยถูกบิดเบือนเป็นเครื่องมือฟอกเงิน-ขู่ฟ้องอาญาแพ่ง
- หุ้นส่วน ‘ธนพล’ ทายาท ‘เสี่ยกำพล’ ล้วนคนดัง ‘วัฒน์ชัย-พีรพร-รชต พุ่มพันธุ์ม่วง’
- เปิดตัว'บ.เชียงรายยูไนเต็ดฯ'โชว์สินทรัพย์108ล.!ชื่อ'ธีระชัย'โผล่ถือหุ้นแทน'มิตติ ติยะไพรัช'
- ไล่ดูหมดเส้นทางเงินบ.-ผู้เกี่ยวข้อง!ดีเอสไอ ลุยสอบเครือข่ายธุรกิจ'เสี่ยกำพล'3 พันล.
- เปิดขุมข่ายธุรกิจ ‘เสี่ยกำพล’ 34 บริษัท 2.5 พันล. - อสังหาฯ อาบอบนวด รร.กวดวิชา
- ก่อนถึงมือ‘เสี่ยกำพล’! ปปง.ยึดหุ้นอาบอบนวด‘ชูวิทย์’4 แห่ง
- เจอแล้ว!‘เสี่ยกำพล’ ซื้ออาบอบนวด‘ชูวิทย์’ โอนถ่ายหุ้นอุตลุด 3 รอบ-ตัวละครโผล่อื้อ
- แกะสัมพันธ์ลึก'กลุ่มเสี่ยกำพล-เชียงรายยูไนเต็ด' ชื่อ'อควา' หรา ผู้สนับสนุนหลักทางการ
- เร่งประสานตม.สกัดออกนอกปท.! ศาลอนุมัติหมายจับ'เสี่ยกำพล'คดีวิคตอเรียซีเครทแล้ว
- เปิดพอร์ตหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4 ตัว 400 ล. ‘เสี่ยกำพล’
- เสี่ยกำพล ถือหุ้น 2 แห่ง อาบอบนวด โอนเกลี้ยงช่วง เม.ย.60 ใครเจ้าของตัวจริง?
- อยู่บ้านหลังโต-รถ12คัน! ตามไปดูที่อยู่ 'ศศิธร' หุ้นใหญ่อาบอบนวดดัง 'วิคตอเรียซีเครท'
- 'ศศิธร'ชิงมอบตัวคดีค้ามนุษย์ 'วิคตอเรียซีเครท' หลังโดนหมายจับ-ฝากขัง17 ม.ค.นี้
- วิคตอเรีย ซีเครท ที่แท้อาบอบนวดเก่า‘เสี่ยชูวิทย์’ เปลี่ยนมือ 3 หน