ป.ป.ช. ประสาน ตร.สภ.วังน้ำเขียว รวบตัว กฤติมา ทองพูล หญิงสูงวัย ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีอดีต ผอ. พัฒนาภาค 5 กองทัพไทย ทุจริตจัดซื้อจ้างโครงการขุดลอกคลองฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำวงเงินกว่าสิบล้าน เผยพฤติการณ์ถูกเชิดเป็นกรรมการบริษัทเอกชนเข้าเป็นคู่สัญญา ทั้งที่ไม่ได้มีอาชีพขายวัสดุอุปกรณ์-เช่าเครื่องมือโดยตรง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2567 กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 ได้เข้าทำการจับกุมนางสาวกฤติมา ทองพูล บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ จ.17/2566 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 91 และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 91
โดยนางสาวกฤติมา บุคคลตามหมายจับเป็นผู้ถูกเชิดให้เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท เกษตรสีมา จำกัด และเข้าเป็นคู่สัญญาซื้อขายกับสำนักงานพัฒนาภาค 5 ทั้งที่ ไม่ได้มีอาชีพขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างหรือมีความสามารถในการทำสัญญาซื้ออุปกรณ์หรือเช่าเครื่องมือในโครงการขุดลอกคลองแต่อย่างใด โดยเกี่ยวข้องในปีงบประมาณ 2551 จำนวน 4 โครงการ 8 ฎีกา รวมจำนวนเงิน 1,825,000 บาท และในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 115 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 7,795,785 บาท
จากการสืบสวนทราบว่า นางสาวกฤติมาฯ บุคคลตามหมายจับ อยู่ในพื้นที่ตำบลระเริง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว เพื่อติดตามและดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมาย แล้วนำตัวส่งไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 เพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ต่อไป
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2566 สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 แถลงผลการชี้มูลคดีกล่าวหา พลตรี ลือพงศ์ โชติวิทยากาญจน์ หรือ พลตรีลือ วิทยากาญจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 5 กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่และเข้ามีส่วนได้เสียในการดำเนินโครงการฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำสำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการกองทัพไทย
ระบุพฤติการณ์คดีว่า พลตรี ลือพงศ์ โชติวิทยากาญจน์ หรือ พลตรีลือ วิทยากาญจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 5 กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่และเข้ามีส่วนได้เสียในการดำเนินโครงการฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำสำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 4 โครงการ 8 ฎีกา เมื่อปีงบประมาณ 2551 จำนวนเงิน 1,825,000 บาท และในการทำสัญญาซื้ออุปกรณ์หรือเช่าเครื่องมือในโครงการขุดลอกคลอง เพื่อป้องกันอุทกภัยและภัยแล้งในเขตจังหวัดนครราชสีมา เมื่อปีงบประมาณ 2552 จำนวน 115 ครั้ง จำนวนเงิน 7,795,785 บาท
นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าเสนอราคารายใดหนึ่ง ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับสำนักงานพัฒนาภาค 5 หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใด มิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช พิจารณาแล้ว มีมติว่า พลตรี ลือพงศ์ โชติวิทยากาญจน์ หรือ พลตรีลือ วิทยากาญจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 5 กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่และเข้ามีส่วนได้เสียในการดำเนินโครงการ นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับสำนักงานพัฒนาภาค 5 หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใด มิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157ประกอบมาตรา 91 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 และมติสภากลาโหม ครั้งที่ 3/07 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2507 ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 มาตรา 15
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลได้อีก
ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป