เผยมติ ป.ป.ช.ตีตกกรณี พ.อ.พิเศษ ก้อง ไชยณรงค์ เอี่ยวปมตั้ง บ.รับเหมางาน ตจว. จัดซื้อป้าย LED อบจ.ชัยนาทปี 58 เจ้าตัวแจง 'อิศรา' ที่มาปัญหามาจากความไว้ใจเพื่อนให้เปิดบริษัท แต่กลับถูกเอาชื่อไปทำผิด
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวในช่วงปี 2558-2559 กรณีองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยนาท ทำสัญญาว่าจ้างเหมาสร้างป้ายประชาสัมพันธ์รูปนก (LED Full Color Display) ขนาด 4x6 เมตร 2 ป้าย และขนาด 3x4 เมตร 1ป้าย วงเงินรวมกว่า 22 ล้านบาท ปรากฏชื่อ บริษัท โอบามาเก้ากรุ๊ป จำกัด และบริษัทเวลตี้ ครีเอชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ตามลำดับ
ขณะที่เอกชนทั้งสองแห่ง มีกรรมการและผู้ถือหุ้นชุดเดียวกัน รวมถึง มีบริษัทคู่เทียบในการเสนอราคาประมูล คือ บริษัท ซี อาร์ เอ็ม เอ คอนซัลแตนท์ (2009) (ไทยแลนด์) จำกัด โดย ที่ตั้งบริษัทดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นย่านถนนราชวิถี ซึ่งปรากฏชื่อนายก้อง ไชยณรงค์ (ที่ตั้งสำนักงานฯเขียนว่า บริหารโดย พ.อ.พิเศษ ก้อง ไชยณรงค์ และทีมงาน) เป็นกรรมการบริษัท และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หลังปรากฏข่าว กองทัพบก โดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รายงานผลการสอบสวนให้ผู้บัญชาการทหารบกทราบสรุปว่า พ.อ.พิเศษ ก้อง ไชยณรงค์ ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลและไม่มีความผิด
- ต้นสังกัด สรุปผลสอบ‘พันเอก’ไม่ผิด ปมตั้ง บ.รับเหมางาน ตจว.
- ผอ.สวพ.ทบ.เข้มเรียก พ.อ.พิเศษ ก้องแจงปมพันรับเหมาป้าย อบจ.ชัยนาท-สมุทรสงคราม
- 'พ.อ.'เจ้าของ บ.คู่เทียบ'โอบามาฯ'หลาย จว.แจงไม่ได้ยุ่งบริษัทนานแล้ว-วางสายทันที
ล่าสุด มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ภายหลังจากที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการสอบสวน เมื่อปี 2562 ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัยว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ฟังได้ว่า พ.อ.พิเศษ ก้อง ไชยณรงค์ กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ขณะที่ พ.อ.พิเศษ ก้อง ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่พบว่ามีความผิดในเรื่องนี้แต่อย่างใด
พ.อ.พิเศษ ก้อง กล่าวต่อว่า "ความเป็นมาเป็นไปเรื่องนี้ เริ่มมาจากการที่ผมได้ให้เพื่อนไปช่วยจัดตั้งบริษัทให้ แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับบริษัทเหล่านี้ เพราะติดภารกิจเรื่องอบรมพอมาถึงช่วงปี 2556-2557 เขา (เพื่อน) ก็มีการเอาบริษัทที่ว่านี้มาทำเครื่องสำอาง แต่มันก็เจ๊ง ไม่ประสบความสำเร็จ เราก็บอกว่าถ้าเจ๊ง ก็ให้ไปชำระบัญชี ไปปิดบริษัท เราก็คือไม่ได้ยุ่งกับมันมานานแล้ว จนกระทั่งมาเห็นในข่าวของสำนักข่าวอิศราว่ามีการเอาบริษัทนี้ไปทำทุจริต"
“ผมถูกสอบสวนต่าง ๆ นานา โดย ป.ป.ช.ได้แจ้งให้กองทัพสอบว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรงหรือไม่ หลังจากที่ถูกสอบรอบแรกในปี 2558 ก็มีเอกสารพิสูจน์ออกมาชัดเจนในปี 2563 ว่าผมไม่ได้ไปจงใจตั้งบริษัทไปประมูลงานต่างๆ ทางกองทัพบกเขาก็รายงาน ป.ป.ช.ไปว่า ผมไม่ได้มีความผิดวินัยร้ายแรง” พ.อ.พิเศษ ก้องกล่าว
พ.อ.พิเศษ ก้อง กล่าวอีกว่า ทาง ป.ป.ช.ยังได้มีการสอบต่อว่าตนมีมูลความผิดทางอาญาหรือไม่ ในกรณีที่ จ.ชัยนาท ต่อมา ป.ป.ช.ก็ได้บอกว่าตนไม่ได้มีความผิดตามที่ได้มีการรายงาน โดยแจ้งมาในช่วงปี 2566
“ผมก็มารู้รายละเอียดว่าผมนั้นโดนเพื่อนเอาไปทำความผิดที่ไหนบ้าง ก็รู้ตอนที่ ป.ป.ช.เรียก อันนี้คือหมายถึงว่า 5-6 ปีผ่านมา ตอนอิศราลงข่าวตอนนั้นผมก็ไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยตอบอิศราไปตอนนั้นว่าไม่ได้ยุ่งกับบริษัทเหล่านี้นานแล้ว ก็ไม่ได้ยุ่งนานแล้วจริง ๆ เพราะนึกว่าการสอบบัญชีเพื่อปิดบริษัทนั้นเกิดขึ้นเรียบแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างนั้น และก็ทราบว่ายังมีกรณีการปลอมลายเซ็นอีก แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก" ” พ.อ.พิเศษ ก้องกล่าว
เมื่อถามต่อว่าแล้วเพื่อนที่ว่านั้นโดนสอบหรือไม่ พ.อ.พิเศษ ก้องกล่าวว่า "ตรงนี้ไม่ทราบผลสอบเหมือนกัน เพราะ ป.ป.ช.ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมา ทราบแค่ว่าต่างคนต่างก็โดนสอบ เราก็เลยไปแก้ข้อกล่าวหา ชี้แจง ป.ป.ช.ไป จน ป.ป.ช.แจ้งกลับมาว่าเราไม่เกี่ยวข้อง"