"... นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีไม่แสดงรายการทรัพย์สินเงินในส่วนของการให้กู้ยืมแก่ บริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด จำนวน 58,050,495 บาท ซึ่งนายเสน่ห์เป็นกรรมการผู้จัดการ และรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้านสองชั้น จำนวน 1 หลัง ในพื้นที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ของคู่สมรส ..."
ในการเปิดแถลงข่าวผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ภาค 9 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ โรงแรมหรรษา เจบี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา
มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง ให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ของ อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายราย
หนึ่งในนั้น คือ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีไม่แสดงรายการทรัพย์สินเงินในส่วนของการให้กู้ยืมแก่ บริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด จำนวน 58,050,495 บาท ซึ่งนายเสน่ห์เป็นกรรมการผู้จัดการ และรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้านสองชั้น จำนวน 1 หลัง ในพื้นที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ของคู่สมรส
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว เห็นว่า นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขากอบ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 114 ให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167 ประกอบมาตรา 188 รวมทั้งมอบหมายคณะผู้ว่าคดี ตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการดำเนินคดี การช่วยเหลือในทางคดี และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดี พ.ศ.2563 ข้อ 7 และข้อ 8 ต่อไป
@ เสน่ห์ ทองศักดิ์
ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ ต่อ ป.ป.ช.นั้น
หากสาธารณชนยังจำกันได้ ในช่วงปี 2562 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกข้อมูลการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ มาแล้ว
มีจุดเริ่มต้นมาจาก ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งเบาะแสว่า ป.ป.ช.ได้เข้าทำการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นายเสน่ห์ เนื่องจากในช่วงเข้ารับดำรงตำแหน่ง นายก อบต.เขากอบ แจ้งบัญชีทรัพย์สินแก่ ป.ป.ช. ไว้ไม่เท่าไหร่ แต่พอช่วงพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.เขากอบ กลับแจ้งบัญชีทรัพย์สิน มีเพิ่มขึ้นมาถึงหลักร้อยล้านบาท
นายเสน่ห์ จึงตกเป็นเป้าถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเชิงลึกจากสำนักงาน ป.ป.ช. ในทันทีว่า ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จนถึงพ้นจากตำแหน่งนั้น ไปทำธุรกิจ หรือร่ำรวยด้วยอะไร ถึงได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหลายเท่าขนาดนั้น
จากการตรวจสอบพบว่า นายเสน่ห์ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินช่วงพ้นตำแหน่งนายก อบต.เขากอบ เมื่อช่วงต้นปี 2562 ว่ามีทรัพย์สินรวมคู่สมรส 117 ล้านบาทเศษ มีหนี้สินรวมประมาณ 3.7 ล้านบาท
แบ่งเป็นของนายเสน่ห์เองราว 42.9 ล้านบาทเศษ เป็นเงินฝาก 3 แสนบาทเศษ ที่ดิน 1 ล้านบาทเศษ สิทธิและสัมปทาน 6.4 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น ๆ อีกประมาณ 9 หมื่นบาท แต่ในส่วนของเงินลงทุนนั้นมีมากถึง 34.6 ล้านบาท มีหนี้ประมาณ 6 พันบาท
ส่วนภรรยาของนายเสน่ห์ แจ้งว่า มีเงินฝากประมาณ 7.4 ล้านบาท เงินลงทุนประมาณ 9.9 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 3.1 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น ๆ อีกประมาณ 7 แสนบาท แต่ในส่วนของที่ดิน มีมูลค่ารวมกว่า 23 ล้านบาท และโรงเรือนกับสิ่งปลูกสร้างอีก 14.7 ล้านบาท มีหนี้ประมาณ 3.7 ล้านบาท
ขณะที่บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ปรากฏว่ามีเงินลงทุนสูงถึง 10 ล้านบาทเศษ และมีสิทธิและสัมปทานถึง 4.3 ล้านบาท
โดยประเด็นที่สำนักงาน ป.ป.ช. กำลังเข้าไปตรวจสอบเชิงลึกคือในส่วนของเงินลงทุนของนายเสน่ห์ และคู่สมรส เนื่องจากพบว่า ระหว่างปี 2557-2561 ทั้งคู่แจ้งว่ามีเงินลงทุนในบริษัทจำกัดต่าง ๆ รวม 4 แห่ง มูลค่ารวมกันถึง 44.5 ล้านบาทเศษ
นอกจากนี้ในส่วนของที่ดินยังเพิ่มขึ้นระหว่างปี 2559-2561 จำนวน 10 แปลง มูลค่าหลายล้านบาทด้วย
ในส่วนของรายได้นั้น ในรอบปี มีรายได้รวม 2.1 ล้านบาท เป็นเงินเดือนจากบริษัทจำกัดถึง 1.8 ล้านบาท และเงินเดือนจากตำแหน่งนายก อบต. เพียง 3 แสนบาท ส่วนคู่สมรสมีรายได้จากเงินเดือนบริษัทจำกัด 7.2 แสนบาท และมีรายได้ในกิจการร้านอาหารและรีสอร์ทรวม 6.5 แสนบาท
ต่อมา นายเสน่ห์ ชี้แจงสำนักข่าวอิศราในขณะนั้น ว่า เป็นนักธุรกิจ ทำโรงงานอุตสาหกรรมมาหลายสิบปีแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น มีที่มาจากธุรกิจ ไม่ได้ฉ้อราษฎร์บังหลวง
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ติดตามตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจ ของนายเสน่ห์ พบว่า
1. ในบัญชีทรัพย์สินของนายเสน่ห์ แจ้งเป็นเจ้าของธุรกิจ 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด นายเสน่ห์ถือหุ้น 145,000 หุ้น มูลค่า 14.5 ล้านบาท บริษัท เอสแอนด์บี วู้ด จำกัด นายเสน่ห์ถือหุ้น 127,500 หุ้น มูลค่า 12,750,000 บาท บริษัท คลัสเตอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด นายเสน่ห์ถือหุ้น 27,000 หุ้น มูลค่า 135,000 บาท และบริษัท ทองศักดิ์ กรุ๊ป จำกัด นายเสน่ห์ถือหุ้น 70,000 หุ้น มูลค่า 7 ล้านบาท
เมื่อสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่านายเสน่ห์เป็นกรรมการบริษัททั้งหมด 7 แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 4 แห่ง เสร็จการชำระบัญชี-ร้าง 3 แห่ง
สำหรับบริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกในขณะนั้น พบว่า จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 ทุนปัจจุบัน 50,000,000 บาท (แปรสภาพมาจาก หจก.เอสดีที พาราวู้ด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2552 )
ตั้งอยู่เลขที่ 96 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
แจ้งประกอบธุรกิจแปรรูปไม้ยางพารา อัดน้ำยา อบแห้ง
ปรากฏชื่อ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 20 มีนาคม 2562 นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 29% น.ส.ประกาศิณี ทองศักดิ์ และ นายประกาศิต ทองศักดิ์ 25% น.ส.เอกฤทัย กอบกิจ 13% น.ส.ดวงใจ ทองศักดิ์ น.ส.ปทุมวดี ทองศักดิ์ นายสมศักดิ์ จันทร์มณี คนละ 2% น.ส.ทัศนีย์ ทองศักดิ์ และ น.ส.ไพจิตร ทองศักดิ์ คนละ 1%
บริษัทฯ แห่งนี้ นำส่งข้อมูลงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ตั้งแต่ช่วงปี 2557 - 2560 มีรายละเอียดดังนี้
ปี 2557 แจ้งว่า มีรายได้รวม 405,838,679.36 บาท รวมรายจ่าย 402,064,666.34 บาท ขาดทุนสุทธิ 194,234.01 บาท
ปี 2558 แจ้งว่า มีรายได้รวม 551,981,019.03 บาท รวมรายจ่าย 544,115,430.63 บาท กำไรสุทธิ 418,247.01 บาท
ปี 2559 แจ้งว่า มีรายได้รวม 679,689,906.32 บาท รวมรายจ่าย 665,817,493.34 บาท กำไรสุทธิ 6,355,622.06 บาท
ปี 2560 แจ้งว่า มีรายได้รวม 852,273,875.28 บาท รวมรายจ่าย 833,382,752.09 บาท กำไรสุทธิ 9,033,095.19 บาท
ข้อมูลสินทรัพย์ล่าสุดในงบการเงิน ปี 2560 แจ้งว่า มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 1,651,467.12 บาท ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 28,126,758.03 บาท สินค้าคงเหลือ 23,192,832.35 บาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 4,270,313.37 บาท ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ - สุทธิ 148,848,767.16 บาท สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 9,600 บาท รวมสินทรัพย์ 206,099,738.03 บาท
หนี้สิน แจ้งว่า มีเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 14,998,504.66 บาท เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น 47,526,210.59 บาท ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 6,110,053.71 บาท เงินกู้ยืมระยะสั้น 42,508,300 บาท ภาษีเงินได้ค้างจ่าย 2,167,654.62 บาท หนี้สินหมุนเวียนอื่น 128,723.31 บาท รวมหนี้สินหมุนเวียน 113,439,446.89 บาท เงินกู้ยืมระยะยาว 35,484,707.68 บาท รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน 49,985,218.23 บาท รวมหนี้สิน 163,424,665.12 บาท
สำหรับข้อมูล หจก.เอสดีที พาราวู้ด ก่อนแปรรูปเป็น บริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด นั้น จดทะเบียนจัดตั้ง 7 มกราคม 2557 ทุน 25 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 96 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง แจ้งประกอบธุรกิจแปรรูปไม้ยางพารา
นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่สุด 58% น.ส.เอกฤทัย กอบกิจ ถือหุ้นอยู่ 26% หุ้นที่เหลือกระจายอยู่ในชื่อ น.ส.ดวงใจ ทองศักดิ์ น.ส.ปทุมวดี ทองศักดิ์ นายสมศักดิ์ จันทร์มณี น.ส.ทัศนีย์ ทองศักดิ์ และน.ส.ไพจิตร ทองศักดิ์
นำส่งข้อมูลงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2556 แจ้งว่า มีรายได้รวม 268,411,409.82 บาท รวมรายจ่าย 265,630,459.26 บาท ขาดทุนสุทธิ 20,693.62 บาท
ทั้งนี้ จากการสืบค้นฐานข้อมูลในโลกออนไลน์ พบว่า ในช่วงปี 2554 หจก.เอส ดี ที พาราวู้ด เคยถูกระบุว่าเป็นธุรกิจของ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ ที่ร่วมหุ้นกับ นายเดชอัศม์ กางอิ่ม สมาชิกองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง เขต 3 อ.เมืองตรัง ทายาทของนายชาลี กางอิ่ม อดีตนายกเทศมนตรีนครตรัง
อย่างไรก็ดี ข้อมูลบริษัทฯ ณ เวลานั้น ไม่ปรากฏชื่อ นายเดชอัศม์ กางอิ่ม ร่วมถือหุ้นด้วยแต่อย่างใด
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ย้อนกลับไปตรวจสอบข้อมูล บริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด พบว่า ยังดำเนินธุรกิจอยู่ นาย เสน่ห์ ทองศักดิ์ ปรากฏชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง 29 % มูลค่า 14,500,000 บาท
เหล่านี้ คือ ข้อมูลเชิงลึกทรัพย์สินและหนี้สินของ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ ที่สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบพบไปแล้ว
ส่วนคดีความอื่นๆ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาตัดสินคดีกล่าวหา นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบต.เขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ไม่ลงนามอนุญาตก่อสร้างอาคารพักอาศัยของผู้กล่าวหา ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ.2561 มาตรา 172
โดยศาลฯ ตัดสินว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 40,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติแล้ว ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีกับขอให้ศาลรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 20 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30
กล่าวสำหรับประวัติของ นายเสน่ห์ หรือผู้การฯเหน่ ที่คอการเมืองเรียกขานกัน ถือเป็นผู้กว้างขวางและมีชื่อเสียงใน จ.ตรัง ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการโรงงานแปรรูปส่งออกไม้ยางพารา และประธานสโมสรฟุตบอลเมืองตรังยูไนเต็ด และเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทย ดูแลพื้นที่ภาคใต้ และต่อมาหลังแพ้เลือกตั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการนายก อบจ.ตรัง สมัยล่าสุดที่มีนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ เป็นนายก อบจ.ตรัง ก่อนตัดสินใจลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบต.เขากอบ อีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าแพ้การเลือกตั้ง กระทั่งมาถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามมาตรา 157 จนมีคำพิพากษาของศาลฯในคดีไม่ลงนามอนุญาตก่อสร้างอาคารพักอาศัยดังกล่าว
ขณะที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง เคยออกมาแถลงข่าวผลคดีนี้เป็นทางการ ระบุว่า "จากการที่ นายเสน่ห์ ถูกชี้มูลความผิดและได้ถูกศาลพิพากษาคดีแล้ว ตามระเบียบข้อกฏหมายก็ยังระบุไว้ว่า ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต เช่นเดียวกัน เนื่องจากขาดคุณสมบัติของนักการเมือง จากการถูกพิพากษาคดีจำคุกด้วย"
นับเป็นการปิดฉากชีวิตเส้นทางการเมือง นายเสน่ห์ เป็นทางการ
ก่อนที่ล่าสุด จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดกรณีไม่แสดงรายการทรัพย์สินเงินในส่วนของการให้กู้ยืมแก่ บริษัท เอสดีที พาราวู้ด จำกัด จำนวน 58,050,495 บาท ซึ่ง นายเสน่ห์เป็นกรรมการผู้จัดการ และรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้านสองชั้น จำนวน 1 หลัง ในพื้นที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ของคู่สมรส ดังกล่าวข้างต้นอีก 1 คดี ขณะที่การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
ผลการต่อสู้คดีใหม่ ของ นายเสน่ห์ จะออกมาเป็นอย่างไร ติดตามดูกันต่อไป
แต่ไม่ว่าบทสรุปผลการต่อสู้คดีในชั้นศาลจะออกมาเป็นอย่างไร นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญ ไม่ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไปเช่นกัน