“...คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี และนางนาที รัชกิจประการ ซึ่งปรากฏว่าไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏชื่อแสดงตนและลงมติ ร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วย ฟังได้ว่า เป็นการใช้ผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติในการพิจารณาและลงมติแทนตนเอง อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ…”
......................................................
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล 4 ราย แบ่งเป็น พรรคภูมิใจไทย 3 ราย นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี นางนาที รัชกิจประการ (ปัจจุบันเป็นอดีต ส.ส.) และพรรคพลังประชารัฐ 1 ราย นางธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ กรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท
โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทั้ง 4 ราย ถูกชี้มูลในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ ส่วน ส.ส. อีก 2 ราย คือ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า กระทำผิดเฉพาะข้อบังคับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการ มิได้มีมูลความผิดทางอาญา ส่วน นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอนั้น (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ชี้มูล 4 ส.ส.ฝ่าย รบ.คดีเสียบบัตรแทนกัน-2 รายผิดข้อบังคับสภาฯ-อีก 2 รอด)
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2564 นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว สรุปได้ 2 กรณี
1. เรื่องกล่าวหา เจ้าพนักงานของรัฐ ใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรลงมติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. ....
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 7 (บางซื่อ-ดุสิต) กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ใช้ผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติ ในการพิจารณาและลงมติ ร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. ....
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิรัชกาลที่ 10 พ.ศ. .... โดยนางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ได้ลงชื่อเข้าร่วมประชุม และไม่ได้ลาประชุมแต่อย่างใด ซึ่งในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว กระทำเป็น 3 วาระรวด โดยวาระที่ 1 รับหลักการลงมติเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 13.41 น. วาระที่ 2 มีการตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา ไม่มีการแก้ไข จากนั้นวาระที่ 3 ลงมติเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 14.01 น. จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม 466+2 = 468 เห็นด้วย 464+2 = 466 ไม่เห็นด้วย 0 งดออกเสียง 0 ไม่ลงคะแนน 2 โดยทั้งวาระที่ 1 เวลา 13.41 น. และวาระที่ 3 เวลา 14.01 น. ปรากฏชื่อของนางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ว่าได้แสดงตนและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งที่ในเวลาเดียวกันนี้นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ได้เข้าร่วมงานเสวนาแบ่งปันความรู้บทบาทแม่แห่งยุคดิจิทัล ณ สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับแม่และเด็กในชุมชนโดยคำนึงถึงการเลี้ยงลูกให้ปลอดภัยและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นโครงการกิจกรรมวันแม่ประจำปี 2562 ที่นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ เป็นผู้จัดขึ้นและร่วมเป็นวิทยากร มีผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนาประมาณ 40 - 50 คน รวมทั้งมีสถานีโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอส (ThaiPBS) เข้าร่วมบันทึกการเสวนาดังกล่าว แล้วนำมาออกอากาศในรายการ “ที่นี่ ThaiPBS” เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ซึ่งปรากฏว่าไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏชื่อแสดงตนและลงมติร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วย ฟังได้ว่า เป็นการใช้ผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติในการพิจารณาและลงมติแทนตนเอง อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 และข้อ 21
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นพร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาวินิจฉัยกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง แล้วแต่กรณี ต่อไป
2. เรื่องกล่าวหา เจ้าพนักงานของรัฐ ใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรลงมติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อไต่สวนพิจารณาข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหา นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดพัทลุง พรรคภูมิใจไทย นายภูมิศิษฏ์ คงมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดพัทลุง พรรคภูมิใจไทย นางนาที รัชกิจประการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายสมบูรณ์ ซารัมย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย นางสาวภริม พูลเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดสมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 4จังหวัดนครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ และศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ว่าใช้ผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติ ในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุญาตให้บรรจุระเบียบวาระและมีหนังสือนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 วันพุธที่ 8 และครั้งที่ 18 วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2563
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ได้เริ่มประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นวันแรก ปรากฏว่า นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี นางนาที รัชกิจประการ นายสมบูรณ์ ซารัมย์ นางสาวภริม พูลเจริญ นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ และศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม ได้ลงชื่อเข้าร่วมประชุม โดยไม่ได้ลาประชุม และร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสมาชิกขอสงวนคำแปรญัตติและกรรมาธิการสงวนความเห็นไว้จำนวนมาก ทำให้การพิจารณาจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา รวม 4 วัน โดยปรากฏพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา ดังนี้
กรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 ได้เดินทางจากสนามบิน ดอนเมืองไปยังสนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ด้วยสายการบินนกแอร์ รอบเวลา 20.50 – 22.15 น. เพื่อเดินทาง ไปเป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โครงการวันเด็กตำบลชะมวง ประจำปี 2563 และเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ที่เทศบาลตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ในวันที่ 11 มกราคม 2563 และเดินทางกลับกรุงเทพมหานครอีกครั้ง เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 โดยเครื่องบินจากสนามบินนครศรีธรรมราชมายังสนามบิน ดอนเมือง เวลา 11.55 – 13.05 น. ทั้งนี้ ในวันและเวลาที่นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว กลับปรากฏชื่อนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ร่วมแสดงตนและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วยตั้งแต่มาตรา 31 (ลงมติเวลา 20.55 น.) ถึงมาตรา 55 และวาระที่ 3 รวมทั้งข้อสังเกต จนเลิกประชุมในเวลา 17.41 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2563
กรณีนายภูมิศิษฏ์ คงมี ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 นายภูมิศิษฏ์ คงมี ได้เช็คอินด้วยตนเองที่สนามบินดอนเมือง เมื่อเวลา 19.34 น. เพื่อเดินทางไปยังสนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ด้วยสายการบิน นกแอร์ รอบเวลา 20.50 – 22.15 น. และเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2563 นายภูมิศิษฏ์ คงมี ได้มีการโดยสารเครื่องบินของสายการบิน Thai Air Asia จากสนามบินหาดใหญ่มายังสนามบินดอนเมือง รอบเวลา 09.25 – 11.00 น. ทั้งนี้ในช่วงวันและเวลาที่นายภูมิศิษฏ์ คงมี ไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว กลับปรากฏชื่อนายภูมิศิษฏ์ คงมี ร่วมแสดงตนและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ประมาณตั้งแต่มาตรา 30 (ลงมติเวลา 19.31 น.) ถึงมาตรา 40 (ลงมติเวลา 11.10 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2563)
กรณีนางนาที รัชกิจประการ ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 14.28 น. นางนาที รัชกิจประการ ไม่อยู่ในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร และในวันเดียวกันนั้นเวลา 15.28 น. นางนาที รัชกิจประการ ได้ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสายการบินไทยสมายล์ ไปยังนครเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเครื่องบินออกประมาณเวลา 16.50 น. ซึ่งเป็นการเดินทางร่วมกับคณะศึกษาดูงานตามโครงการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการศึกษาการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนระหว่างจังหวัดระนองกับเมืองซานเหมินเซียะ มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จัดโดยวิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดยกำหนดการศึกษาดูงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 15 มกราคม 2563 และนางนาที รัชกิจประการ ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยสายการบินไทยสมายล์ เมื่อเวลา 02.40 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2563 ทั้งนี้ ในช่วงวันและเวลาที่นางนาที รัชกิจประการ ไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว กลับปรากฏชื่อนางนาที รัชกิจประการ ร่วมแสดงตน และลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย (ตั้งแต่มาตรา 43 ลงมติเวลา 14.29 น.) ถึงมาตรา 49 (ลงมติเวลา 15.46 น.)
@‘ภริม-ทวิรัฐ’อ้างช่องเสียบไม่พอเลยฝาก-ผิดแค่ระเบียบสภา
กรณีนางสาวภริม พูลเจริญ และนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ปรากฏจากคลิปข่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 ในการพิจารณาร่างมาตรา 25 เวลาประมาณ 15.46 น. นางสาวภริม พูลเจริญ ซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติ จำนวน 2 ใบ โดยมีลักษณะเสียบบัตรแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยนางสาวภริม พูลเจริญ ยอมรับว่าลงคะแนนแทนนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ จริง อ้างว่า นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ไม่สามารถโน้มตัวลงมากดบัตรลงคะแนนด้วยตนเองได้ จึงฝากให้ตนดำเนินการให้ ยืนยันว่าเป็นการลงคะแนนตามเจตนารมณ์ของนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ และเป็นการกระทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
สำหรับนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ชี้แจงว่าเป็นข้อจำกัดจากความไม่พร้อมของสถานที่ที่มีช่องกดลงคะแนนไม่เพียงพอกับสมาชิก ซึ่งต้องรีบกดบัตรให้ทันกับช่วงเวลาที่เปิดให้ลงคะแนน ยืนยันไม่ได้มีเจตนาให้ใครมากดแทน หรือฝากบัตรไว้ใครกดให้ และเป็นวิปก็ต้องคอยเดินประสานงานกับเพื่อนสมาชิกคนอื่น ๆ ด้วย ทำให้ไปกดบัตรเองไม่ทัน จึงให้เพื่อนสมาชิกกดให้ตามความประสงค์
กรณีจึงรับฟังได้ว่า นางสาวภริม พูลเจริญ กดบัตรแทน นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ในการลงมติ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เนื่องจากขณะนั้นนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เดินมายืนอยู่ตรงหน้าที่นางสาวภริม พูลเจริญ นั่งอยู่ แต่เอื้อมลงมาเสียบบัตรและกดปุ่มเองไม่ได้จริง
@‘สมบูรณ์-โกวิทย์’รอด เหตุไร้หลักฐานเสียบแทน
กรณีนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ปรากฏพยานหลักฐานคลิปวีดิทัศน์ซึ่งมีเพียงภาพเหตุการณ์ว่า นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ถือบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติไว้ในมือ จำนวน 2 ใบ แต่ไม่ปรากฏว่า นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ได้กดปุ่มแสดงตนหรือลงมติใด ๆ เลย หรือได้เสียบบัตรและกดปุ่มเข้าออกหลายครั้ง พยานหลักฐานจึงยังไม่พอที่จะฟังได้ว่า นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนหรือลงมติแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นแต่อย่างใด
กรณีศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม ปรากฏจากคลิปข่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 ในช่วงเวลาการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ร่างมาตรา 28 ศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม มีพฤติการณ์ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติเกินกว่าจำนวนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งจะพึงมีได้ ซึ่งจากการไต่สวนไม่สามารถยืนยันได้ว่าศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม ใช้นิ้วชี้กดปุ่มบริเวณเครื่องเสียบบัตรหรือไม่ และจากคลิปวีดิทัศน์ก็ไม่ปรากฏชัดว่าศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม มีลักษณะกดปุ่มเสียบบัตรเข้าออกหลายครั้ง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี และนางนาที รัชกิจประการ ซึ่งปรากฏว่าไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏชื่อแสดงตนและลงมติ ร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วย ฟังได้ว่า เป็นการใช้ผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติในการพิจารณาและลงมติแทนตนเอง อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 และข้อ 21
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นพร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาวินิจฉัยกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง แล้วแต่กรณี ต่อไป
ส่วนการกระทำของนางสาวภริม พูลเจริญ และนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เห็นควรส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้รักษาการตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการกระทำของนายสมบูรณ์ ซารัมย์ และศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า มีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตน และลงมติแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.แจ้งข้อหา 8 ส.ส.ขั้ว รบ.เสียบบัตรแทนกันในร่าง พ.ร.บ.งบฯ63-‘ถาวร’รอด
ยังแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่! ป.ป.ช.แจงสอบ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน-รอ จนท.สรุปข้อมูล
ความต่างคำวินิจฉัยศาล รธน.คดีเสียบบัตร! เปิดช่องสอบ‘ฉลอง’-วัดบรรทัดฐาน ป.ป.ช.?
พฤติการณ์ต่างจากปี 56-มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน!คำวินิจฉัยศาล รธน.ร่าง พ.ร.บ.งบฯได้ไปต่อ
เปิดชื่อตุลาการศาล รธน.ลงมติ 5:4 ร่าง พ.ร.บ.งบฯไม่โมฆะ-ให้โหวตใหม่วาระ 2-3
อีกคดี!ปมเสียบบัตรแทนแก้ที่มา ส.ว. ปี 56-ศาล รธน.สั่งโมฆะ วัดบรรทัดฐานการเมืองไทย?
ป.ป.ช.แจงกรอบสอบ 4 ส.ส.เสียบบัตรเบื้องต้น 180 วัน-ตุลาการศาล รธน.เริ่มประชุมแล้ว
‘ศรีสุวรรณ’ร้อง ป.ป.ช.สอบ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน อาจเข้าข่ายทุจริต-ขัดกันแห่งผล ปย.
คำร้อง ปธ.สภาฯถึงศาล รธน.แล้ว! ขอให้วินิจฉัยปม 4 ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน
เทียบยุคก่อนไม่ได้! ปธ.ป.ป.ช.ชี้ปมเสียบบัตรแทนข้อเท็จจริงอาจต่างกัน-แบะท่ารอรับคำร้อง
90 ส.ส.ชง ปธ.สภาฯส่งศาล รธน.วินิจฉัยปมเสียบบัตรแทนกันตอนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ
ล้วงคำวินิจฉัยศาล รธน.ปม ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน-ผ่าน 7 ปีเกิดขึ้นซ้ำรอดูบรรทัดฐาน?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/