ศาลอาญานัดฟังคำสั่งคดีลบไลฟ์สด ‘ธนาธร’ พูดเรื่องวัคซีนโควิดฯ 8 ก.พ. หลังเจ้าตัวเข้าเบิกความไต่สวน ยันเพราะเป็นห่วงประชาชน-แผนฉีดวัคซีนของ รบ.ล่าช้า ลั่นสถาบันฯเป็นส่วนหนึ่งของสังคม พูดได้โดยสุจริต-เห็นควรแก้ ม.112 ดีอีเอสอ้างเป็นการชี้นำให้ประชาชนตั้งคำถามกับพระมหากษัตริย์
..................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมาตามนัดไต่สวนคำคัดค้านของนายธนาธร ที่ยื่นขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งในการปิดกั้นการเผยแพร่คลิปการไลฟ์สดของนายธนาธร กรณีวิพากษ์วิจารณ์การจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาล โดยถูกกล่าวหาว่า มีการพาดพิงสถาบันฯ และเป็นภัยต่อความมั่นคง ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ยื่นต่อศาลไปก่อนหน้านี้
โดยนายธนาธร ผู้คัดค้าน เดินทางมาศาลเบิกความด้วยตัวเอง ส่วนฝ่ายกระทรวงดีอีเอส ผู้ร้อง มีข้าราชการตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ และนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงดีอีเอส ขึ้นเบิกความต่อศาล
ทั้งนี้ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลกำหนดนัดฟังคำสั่งคดีดังกล่าว ในวันที่ 8 ก.พ. 2564 เวลา 10.00 น.
@‘ธนาธร’เบิกความไลฟ์สดเพราะเป็นห่วงประชาชน-แผนฉีดวัคซีนของ รบ.ล่าช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวน ฝ่ายผู้ร้อง (กระทรวงดีอีเอส) เสนอให้พิจารณาลับ แต่ศาลพิจารณาแล้วไม่เข้าองค์ประกอบ จึงอนุญาตให้พิจารณาเปิดเผย โดยศาลระบุถึงการไต่สวนว่า เป็นการพิจารณาเน้อหากระทบต่อความมั่นคง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากนั้นจึงได้เปิดคลิปไลฟ์สดของนายธนาธรดังกล่าว ให้รับชมในห้องพิจารณาคดีตั้งแต่ต้นจนจบ
ต่อมา นายธนาธร เบิกความสรุปได้ว่า สาเหตุที่ออกมาไลฟ์สด เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องการจัดซื้อวัคซีนของไทย ควรฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึงรวดเร็ว กลยุทธ์การจัดการวัคซีนของรัฐบาลไม่เหมาะสม ครอบคลุมประชากรน้อยเกินไป แผนการฉีดวัคซีนล่าช้า ทำให้ประเทศเสียหายเดือนละ 2.5 แสนล้านบาท ตามเอกสารแนบท้ายการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ประกอบกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชี้แจงต่อ กรรมาธิการสภาฯ ว่าจะฉีดวัคซีน 50% ได้ภายใน 3 ปี
“ไม่มีประเทศไหนทำอย่างนี้ หมายความว่าคนไทยต้องอยู่กับโควิดนานถึง 4 ปี การมีวัคซีนคือการเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์” นายธนาธร กล่าว
ส่วนประเด็นที่นายธนาธรกล่าวถึงการถือหุ้นของสถาบันฯ ในบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้น นายธนาธร กล่าวว่า มีเอกสารหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงการถือหุ้น โดยการจัดหาวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า มี 3 ส่วน คือ 1.รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 26 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชนไทยได้ราวเดือน พ.ค. 2.สัญญาบริษัท แอสตราเซนเนก้า กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตวัคซีน 200 ล้านโดส เพื่อกระจายขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3.รัฐบาลสนับสนุนทางการเงินให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตวัคซีน
ศาลถามนายธนาธร ถึงการใช้คำว่า ‘วัคซีนพระราชทาน’ โดยนายธนาธร กล่าวว่า ตอนแรกคนเข้าใจเรื่องนี้ว่าเป็นวัคซีนพระราชทาน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พูด และหน่วยงานรัฐเป็นคนใช้คำนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้เริ่มใช้ การที่หน่วยงานรัฐนำคำนี้มาใช้จึงไม่เหมาะสม ไม่ควรทำ ถ้าเกิดความผิดพลาดจะกระทบสถาบันฯได้
@ดีอีเอสอ้างไลฟ์สด‘ธนาธร’ชี้นำให้ประชาชนตั้งคำถามกับพระมหากษัตริย์
ขณะที่ข้าราชการตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ ของกระทรวงดีอีเอส พยานฝ่ายกระทรวงดีอีเอส เบิกความสรุปได้ว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากมีผู้ไปแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีนายธนาธร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ได้รับอนุมัติจาก รมว.ดีอีเอส ให้นำพยานหลักฐานต่าง ๆ มายื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลอาญามีคำสั่งระงับปิดกั้น เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ยูอาร์แอล โดยเห็นว่าการไลฟ์สดของนายธนาธรเป็นการชี้นำให้ประชาชนตั้งคำถามกับพระมหากษัตริย์ ให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการถือหุ้นบริษัท มีผลกระทบทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นในสื่อสาธารณะ
@‘ธนาธร’ลั่นสถาบันฯเป็นส่วนหนึ่งของสังคม พูดได้โดยสุจริต-เห็นควรแก้ ม.112
อนึ่ง ในช่วงเช้า นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไต่สวน โดยตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีการตั้งคำถามในประเด็นเกี่ยวเนื่องกับสถาบันฯ สารถใช้หลักวิจารณ์สุจริตกล่าวอ้างต่อศาลได้หรือไม่ว่า เห็นด้วย ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง ล้วนเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ สถาบันฯเป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทย ดังนั้นการพูดถึงสถาบันฯโดยสุจริต ไม่ว่าร้ายพยาบาท หวังดีต่อสังคม ย่อมเป็นสิ่งที่พลเมืองพึงกระทำได้
นายธนาธร ยังตอบคำถามสื่อมวลชนถึงขอบเขตความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในไทย ว่า มีโทษที่สูงเกินไป จึงเห็นควรมีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นายธนาธร กล่าวอีกว่า ประเด็นการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลไทยยังไม่สามารถให้คำสัญญากับประชาชนได้ว่าตกลงวันซีนที่จัดซื้อจัดหาได้แล้วมีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ เอกสารราชการระบุไว้ชัดเจนว่า การหาวัคซีนให้คนไทยล่าข้าไป 1 เดือน ความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นแสนล้านบาท
“อย่าลืมว่ารัฐบาลยังยืนยันว่าจะฉีดวัคซีน 50% ให้กับคนไทยภายใน 3 ปี แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อมีการตั้งคำถามจากประชาชนที่ต้องการเห็นการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยได้อย่างเร็วที่สุด ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องกลยุทธ์การจัดซื้อหาวัคซีนและการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยเป็นสิ่งที่พึงกระทำ” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่พูดไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ปกป้องภาษีของประชาชน การสั่งวัคซีนมาจากแอสทราเซนเนก้า เป็นเงินที่มาจากประชาชน ใช้เงินภาษีของประชาชน การตรวจสอบการใช้เงินย่อมเป็นเรื่องที่พลเมืองพึงกระทำได้
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
กระเทือนความมั่นคง! ศาลสั่งลบไลฟ์สด‘ธนาธร’ปมวัคซีนโควิดฯทุกช่องทางของ‘คณะก้าวหน้า’
‘ธนาธร’ถึง‘พล.อ.ประยุทธ์’: หยุดบิดเบือนความผิดพลาดด้วยการอ้างสถาบันฯ
‘ธนาธร’จี้ รบ.เปิด 3 หลักฐานสำคัญจัดซื้อวัคซีนโควิดฯ หลังถูกแจ้ง บก.ปอท.เอาผิด ม.112
บิดเบือนทุกเรื่อง!'บิ๊กตู่'สวน'ธนาธร'โยงนำเข้าวัคซีนกับ'สยามไบโอไซเอนซ์'
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage