รมว.ดิจิทัลฯยัน คำสั่งศาลขอให้เฟซบุ๊กปิดกลุ่ม-บัญชีผิดกฎหมาย ทำตามกระบวนการยุติธรรมไทย ดำเนินการแล้วกว่า 1,024 รายการ ลั่นไม่ใช่การกลั่นแกล้ง-ละเมิดสิทธิใคร ยังไม่เห็นหนังสือชี้แจงคำขู่ฟ้องกลับ แต่สั่งทีมศึกษาข้อมูลพร้อมสู้คดี ลั่นไม่ว่าคนไทย-คนต่างชาติถ้าทำผิดละเว้นไม่ได้ เมินถ้าถอนทุน ห้ามไม่ได้ ชี้บริษัทข้ามชาติต้องศึกษาบริบทไทยมาแล้ว
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวชี้แจงถึงกรณีเฟซบุ๊กเตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับทางการไทย หลังถูกขอให้บล็อกหรือปิดกั้นการเข้าถึงกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสในเฟซบุ๊ก ว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย ขณะนี้ศาลมีคำสั่งให้ปิดกลุ่มและบัญชีที่เข้าข่ายความผิดกฎหมายทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูป (Youtube) ทวิตเตอร์ (Twitter) และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มีเนื้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 2563 เป็นต้นมา โดยมีเฟซบุ๊กจำนวน 661 รายการ ยูทูป 289 รายการ ทวิตเตอร์ 69 รายการ และเว็บไซต์อื่น ๆ 5 รายการ รวม 1,024 รายการ มีกำหนด 15 วันตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 27 จะต้องดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว ขณะนี้ปิดกั้นเนื้อหาไม่เหมาะสมทั้งหมดแล้ว โดยกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกปิดไปก่อนหน้านี้
“ยืนยันว่าทั้งหมดทำตามกระบวนการยุติธรรมของไทย และไม่ใช่การกลั่นแกล้งบุคคลใด หากประชาชนแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องอื่นที่ไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินคดีเฉพาะการหมิ่นสถาบันเท่านั้น แต่หากมีการหมิ่นประมาทผู้อื่น การหลอกลวง ฉ้อโกง แชร์ลูกโซ่ การพนันออนไลน์ หรือความผิดอื่น เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการทั้งหมดไม่มีละเว้น” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่เฟซบุ๊กจะดำเนินการทางกฎหมายกับทางการไทยเนื่องจากมองว่าการบล็อกดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนสากล และปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นนั้น นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการจากเฟซบุ๊ก แต่มั่นใจว่าเฟซบุ๊กจะไม่ดำเนินการทางกฎหมายดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาเฟซบุ๊กให้ความร่วมมือ และปิดกลุ่มดังกล่าวตามคำสั่งศาลทั้งหมด แต่จะเป็นการปิดออกจากระบบหรือปิดเฉพาะในประเทศไทยนั้น ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของเฟซบุ๊ก แต่หากจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจริง กระทรวงดิจิทัลฯ จะมีทีมกฎหมายศึกษาข้อมูลและพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ซึ่งถูกตั้งขึ้นมาใหม่แทนกลุ่มเดิมนั้น เป็นสิทธิ์ของแอดมินกลุ่มที่สามารถตั้งขึ้นได้ แต่หากกระทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการเหมือนเดิม ส่วนประชาชนทั่วไปหากโพสต์หรือแชร์ข้อมูลที่เข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดี หากเป็นเพียงสมาชิกในกลุ่มไม่ถือว่ามีความผิดแต่อย่างใด
“ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างประเทศ ถ้าทำผิดละเว้นไม่ได้ เนื่องจากต้องใช้มาตรฐานเดียวกันในการบังคับใช้กฎหมาย กระนั้นหากทางเฟซบุ๊กจะถอนการลงทุน คิดว่าบริษัทข้ามชาติล้วนตัดสินใจอย่างรอบคอบก่อนที่จะลงทุนในไทย ดังนั้นก่อนเข้ามาเปิดสำนักงานในไทย ควรต้องศึกษาบริบท ระเบียบทางสังคมมาก่อนแล้ว ต้องแยกให้ได้อย่ามาปนกัน ห้ามไม่ได้หากเฟซบุ๊กจะตัดสินใจเช่นนั้น เชื่อว่าถ้ากฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ คงไม่มีบริษัทข้ามชาติอื่น ๆ มาลงทุน เหตุการณ์นี้ทำให้โลกรู้ว่าไทยอยู่ภายใต้กระบวนการกฎหมายไม่ได้ละเมิดสิทธิใคร” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสเดิม มีนายปวิน ชัชวาลพงษ์พันธุ์ อาจารย์ประจำ ม.เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และหนึ่งในผู้ต้องหาคดีความมั่นคง เป็นแอดมินและผู้ก่อตั้ง ต่อมาเมื่อกลุ่มดังกล่าวโดนปิดไป นายปวิน ได้ก่อตั้งกลุ่มใหม่อีกครั้งชื่อว่า รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมหลายแสนราย
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายพุทธิพงษ์ จาก https://siamrath.co.th/
อ่านประกอบ : บั่นทอนลงทุนในไทย!'เฟซบุ๊ก'แถลง รบ.แทรกแซงเกินขอบเขต นายกฯแจงคำสั่งศาลปิดเพจผิด กม.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/