‘ธานี อ่อนละเอียด’ ออกโรงแถลงชี้แจงสมัยเป็น กมธ.กฎหมายฯ สนช.รับเรื่องร้องเรียน ‘วรยุทธ อยู่วิทยา’ มีพยาน-หลักฐานใหม่คดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตปี 55 ยืนยันไม่มีอำนาจชี้ขาดผิดถูก-ก้าวล่วง อัยการ-ตร. แค่ทำการสอบหา-ศึกษาข้อเท็จจริง อ้างผลการศึกษา ‘ดร.สายประสิทธิ์-สารวัตรช่างเครื่อง’ ชี้ขับเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ขอสื่อใจเย็น อย่างเร่งเร้า ทำ จนท.ลนไปหมด อย่าจินตาการโยงตระกูล ‘วงษ์สุวรรณ’
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2563 ที่รัฐสภา นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวชี้แจงกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อ กมธ.กฎหมายฯ ในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่า โดยภาพรวมเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2559 นายวรยุทธ มอบอำนาจให้นายธนิต บัวเขียว เป็นผู้รับมอบอำนาจมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กมธ.กฎหมายฯ สนช. โดยระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีรองอัยการสูงสุด (อสส.) รายหนึ่ง มีคำสั่งให้ยุติการสอบสวนภายหลังร้องขอความเป็นธรรมให้สอบสวนเพิ่มเติม โดยนายวรยุทธอ้างว่า มีประเด็นใหม่ และมีประจักษ์พยานใหม่เป็นผู้เชี่ยวชาญมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับเรื่องความเร็วรถ สามารถตรวพิสูจน์กรณีนี้ได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2559 กมธ.กฎหมายฯ สนช. ได้พิจารณาประเด็นนี้ และมีมติว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าตามข้อบังคับ จึงรับเรื่องไว้ และให้ดำเนินการศึกษา สอบหาข้อเท็จจริง
“ผมเน้นขีดเส้นใต้คำว่า สอบหาข้อเท็จจริง เพราะ กมธ.กฎหมายฯ มิใช่พนักงานสอบสวนในการสอบสวน แต่เป็นการสอบหาข้อเท็จจริง และศึกษา และรวบรวมส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ นี่คือบทบาทของ กมธ.” นายธานี กล่าว
นายธานี กล่าวอีกว่า เมื่อ กมธ.กฎหมายฯ สนช. รับเรื่อง มีการเชิญบุคคลต่าง ๆ ในหนังสือร้องเรียนเป็นพยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ 2 คน และพยานแวดล้อมอีก 2 คน โดยพยานรายหนึ่งเล่าเรื่องให้ฟังว่า ตัวเองเห็นเหตุการณ์แต่ไม่อยากยุ่ง เพราะเห็นเป็นเรื่องใหญ่โต และเล่าให้อีกคนฟัง โดยบุคคลที่เล่าให้ฟังเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีความน่าเชื่อถือ ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว และให้การต่อ กมธ.กฎหมายฯ สนช. ไว้ มีการขอร้องให้เป็นพยาน ตอนแรกไม่อยากยุ่ง แต่มาให้การเป็นพยาน
@ลั่น กมธ.กฎหมายฯ สนช.ไม่มีอำนาจชี้ผิดถูก-แค่สอบหาข้อเท็จจริงส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง
นายธานี กล่าวว่า เมื่อ กมธ.กฎหมายฯ สนช. รวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ปรากฏว่ามีประเด็นต้องหาบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอ และร้องขอมาด้วย ได้ทำหนังสือเชิญผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ให้ช่วยส่งนักวิชาการที่มีความสามารถทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติมาพิจารณาด้วย โดยอธิบการบดีมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ส่ง รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มาให้ โดย รศ.ดร.สายประสิทธิ ได้ทำรายงานเชิงวิชาการให้ 1 เล่มหนา
“เมื่อได้ข้อมูลข้อเท็จจริงครบถ้วน จึงรายงานไปยัง กมธ.กฎหมายฯ สนช. พิจารณา ต่อมา กมธ.พิจารณาแล้วเห็นว่า ให้รวบรวมผลการศึกษา สอบหาข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่งให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น อสส. อธิบดีอัยการ ให้เขาไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดย สนช. ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ ส.ส. ส.ว. ไม่มีอำนาจสั่งการก้าวล่วงไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เราไม่มีอำนาจวินิจฉัย เรามีหน้าที่ในการศึกษา รวบรวมแค่นั้นเอง เราไม่มีหน้าที่ในการวินิจฉัยถูกผิด เราไม่ใช่อัยการ ตำรวจ ป.ป.ช. กกต. ที่จะมาวินิจฉัย เรารวบรวม ศึกษา ส่งให้เขาพิจารณาตามอำนาจหน้าที่” นายธานี กล่าว
นายธานี กล่าวอีกว่า ส่วนพนักงานอัยการจะเชื่อสำนวนของ กมธ.กฎหมายฯ สนช. และนำไปประกอบการสั่งการได้หรือไม่ คงไม่ได้ เพราะรายงานฉบับนี้เป็นรายงานนอกสำนวน ถ้าสมมติว่า พนักงานอัยการมีความเห็นประการใด พนักงานอัยการติดใจตรงไหน ต้องสั่งพนักงานสอบสวน ตร. ทำการสอบสวนเพิ่มเติม พนักงานอัยการไม่มีสิทธิสอบเอง มีแต่ดุลพินิจในการสั่งการ
“อยากเรียนว่า เราเองในสมัยนั้นมีสภาเดียวคือ สนช. ทำหน้าที่ ส.ส. ส.ว. เราก็ดำเนินการใครมาร้องเรียน ช่องทางนี้เป็นช่องทางให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ได้รับความทุกข์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม มาเป็นช่องทางในการใช้ช่องทางนี้ในการบำบัดปัดเป่าความทุกข์ยากของเขา เราก็ดำเนินการไป เราไม่มีอำนาจสั่งการ” นายธานี กล่าว
@อ้างผลศึกษานักวิชาการ-สารวัตรช่างเครื่องยันความเร็วรถไม่เกิน 100 กม./ชม.
ต่อมานายธานี เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม โดยเมื่อถามว่า ในรายงานของ กมธ.กฎหมายฯ สนช. มีความเห็นอย่างไร นายธานี กล่าวว่า ตามอำนาจของ กมธ.ไม่สามารถชี้ผิดชี้ถูก เพราะเราไม่ใช่อัยการ ป.ป.ช.หรือ กกต.ที่จะวินิจฉัยได้ เรามีหน้าที่แค่เสนอผลการศึกษา คำชี้แจงของผู้มาชี้แจง การศึกษาเรื่องการคำนวณความเร็วรถของผู้เชี่ยวชาญ โดยนำเสนอไปยังหน่วยงานทีเกี่ยวข้องให้พิจารณาเท่านั้น
เมื่อถามว่า ผลการศึกษาเรื่องความเร็วไม่ถึง 100 กม./ชม.ใช่หรือไม่ นายธานี กล่าวว่า เรื่องนี้แบบออกเป็น 2 ประเด็น คือ เมื่อคนในองค์กรถึงแก่กรรมก็ต้องเร่งดำเนินการ และได้มีการสอบเพิ่มเติมหลังจากมีการร้องกับ สนช. ทางอัยการสูงสุดได้สั่งให้สอบเรื่องความเร็วว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าพนักงานจึงไปทำรายงานต่อหน้าผู้บังคับบัญชาระดับนายพลจากความเร็วเดิม 177 กม./ชม.ซึ่งคลาดเคลื่อนจากเป็นจริง คือ 76 กม./ชม.ก่อนที่จะมาชี้แจงอีกครั้งกับ กมธ.ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ ที่เป็นคนไทยคนเดียวที่เป็นสมาชิกเอเชี่ยนเอ็นแคป ในรายงานของ กมธ.ที่เสนอไปให้อัยการ คือ 79 กม./ชม.
เมื่อถามว่า เหตุใดไม่นำข้อมูลของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ซึ่งยืนยันว่าความเร็วรถเกิน 100 กม./ชม. นายธานี กล่าวว่า ไม่มีคนยื่นคำร้องมา แต่ทาง กมธ.ได้เชิญสารวัตรช่างเครื่องยนต์ ยศ พ.ต.ท. ซึ่งทำคดีมาจำนวนมาก มาให้ความเห็นด้วย ซึ่งยืนยันว่าจากความเสียหาย ความเร็วไม่น่าจะเกิน 80 กม./ชม.
"วิทยาศาสตร์น่าเชื่อถือที่สุด พยานบุคคลยังกลับไปกลับมา ถ้าสงสัยสื่อก็ต้องไปหาความรู้ หาแหล่งอ้างอิงซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้กับประชาชนว่าวิธีการสืบหาข้อเท็จจริง โดยที่ว่าเราไม่ได้ว่าจินตนาการ คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่การกระทำความผิดไม่เลือกวัย ไม่เลือกความจน ความรวย ทุกคนมีโอกาสทำความผิดกันหมดแต่ข้อเท็จจริงถ้าพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์มันต้องเป็นอย่างนั้น แล้วศาลจะเชื่อถือข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าบุคคล" นายธานี กล่าว
@ขอสื่อใจเย็น อย่าเร่งเร้าทำให้เจ้าหน้าที่ลนลาน
เมื่อถามถึงพยานใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวทั้งที่คดีดังกล่าวผ่านมา 7 ปี นายธานี กล่าวว่า อย่าจินตนาการแบบนี้ขอร้อง ทุกอย่างนำเปลือกหรือข้อเท็จจริงที่ยังไม่ยุติมาอ้าง ซึ่งอีก 7 วันทางอัยการก็จะรวบรวมหลักฐาน พยาน เพื่อชี้แจง แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยตรวจสอบว่ามีเหตุผลหรือไม่ อัยการและตำรวจมีหน้าพิจารณามูลเหตุว่าเพียงพอฟ้องหรือไม่ และอัยการเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่ตามอำเภอใจ หรืออัยการก็ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ หรือไม่ใช่พนักงานส่งอาหารที่มาอย่างไรก็ส่งไปอย่างนั้น เขามีดุลยพินิจในการวินิจฉัย ถ้าใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจก็จะติดตัวเขาไปจนตาย ตรงนี้ฝากสื่อให้ความรู้แก่ประชาชนบ้าง ขอให้สื่อใจเย็นและให้สติปัญญากับประชาชน อย่าเร่งเร้า ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลนลานไปหมด
ส่วนกรณีทำไม กมธ.ถึงเรียกพยาน 2 ปาก ซึ่งอัยการตีตกพยานดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555 แล้ว นายธานี กล่าวว่า มีการกล่าวอ้างชื่อในคำร้องของนายวรยุทธว่าการไม่ฟังพยาน 2 ปากนี้ ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม
@อย่าจินตนาการโยงตระกูล 'วงษ์สุวรรณ' ลั่น กมธ.ไม่ได้ช่วย 'วรยุทธ'
เมื่อถามว่า นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำตัวของตระกูลอยู่วิทยา และอดีต ส.ว.เคยร่วมทำงานกับ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ใน กมธ.การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา ปี 2551 ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่องต่อ กมธ.กฏหมายฯ สนช.ปี 2557 ซึ่ง พล.ร.อ.ศิษฐวัชร เป็นประธาน นายธานี กล่าวว่า เท่าที่ทราบ นายธนิต บัวเขียว คือทนายความที่รับมอบอำนาจให้มายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว ส่วนจะเป็นตัวแทนนายสมัครหรือไม่ ไม่ทราบ ตั้งแต่ตนเป็น กมธ.ยืนยันว่า ไม่เคยเจอนายสมัคร
เมื่อถามย้ำว่า มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เสียหายหรือไม่ นายธานี กล่าวว่า ผู้เสียหายไม่ได้ร้องมาที่ สนช.และจากบันทึกของตำรวจนายวรยุทธได้มีการเยียวยาให้กับครอบครัวผู้ตายไปแล้ว อีกทั้งญาติก็ไม่ได้ร้องว่าไม่ได้รับเงินเยียวยา ถามว่าจะให้สอบประเด็นอะไร เท่าที่ดูข่าวเขาก็ได้รับค่าเสียหายไปแล้วจริงและไม่ติดใจ ที่สำคัญทางญาติก็ไม่ได้นั่งรถไปกับผู้เสียชีวิตและเห็นเหตุการณ์ หากไม่เรียกมาจะถือว่า กมธ.ผิด อย่าอคติกับ กมธ.ว่าช่วยนายวรยุทธ เพราะไม่รู้จะช่วยไปทำไม ยืนยันว่า กมธ.ให้ความช่วยเหลือทั้งสองฝ่าย
"ผมอยากจะเตือนสติสังคมว่า ไปย้อนดูว่ามีกี่สื่อ กี่ฉบับ ที่เมื่อศาลพิพากษาแล้ว หรือยกฟ้อง แล้วมีคนตกเป็นจำเลยตามที่สื่อเสนอ แล้วสื่อไปขอโทษด้วยจิตวิญญาณของวิชาชีพ เขาเสียหายขนาดไหน อยากจะเตือนสติไว้บ้างว่าเราเองขายข่าวได้เป็นประเด็น แต่ต้องมีสติ ให้สังคมได้พัฒนา หยิบเอาประเด็นมาเป็นจินตนาการแบบนั้นแบบนี้ เมื่อเขาพิสูจน์ได้ ก็เงียบไป ไม่เห็นมีสื่อไหนถือดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา ขอเถอะ ขอให้มีสติให้สังคมพัฒนาขึ้น ปฏิรูปสื่อสักที" นายธานี กล่าว
เมื่อถามทิ้งทายว่า เรื่องนี้มีการโยงไปถึง พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นการจินตนาการใช่หรือไม่ นายธานี กล่าวว่า คงอย่างนั้น อย่าไปผูกโยงว่าคนตระกูลนี้ผิดไปหมด มันไม่ใช่ ถ้าเขาไม่ทำตามอำนาจหน้าที่ ก็อย่าเหมารวม เพราะมันไม่เป็นธรรม
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวจาก กมธ.กฎหมายฯ สนช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงกรณีนี้ว่า จากการตรวจสอบรายละเอียด พบว่าก่อนหน้านี้ทนายความของนายวรยุทธได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ กมธ.กฎหมายฯ สนช. จริง และ กมธ.กฎหมายฯ สนช. มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ประมาณ 3-4 คนโดยมีนายธานี อ่อนละเอียด ร่วมอยู่ด้วย ที่ผ่านมาได้มีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล รวมถึงนายทหารยศพลอากาศเอก ที่ดำรงตำแหน่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ที่เป็นพยานในคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการด้วย อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีการยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมจำนวนมาก กมธ.กฎหมายฯ สนช. ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับรู้รับทราบในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
อ่านประกอบ :
จะทำเร็วที่สุด-ให้ความยุติธรรมพึ่งได้แท้จริง! 'วิชา'เผยนายกฯขอให้เป็น ปธ.สอบคดี'บอส'
ต้องดูสำนวนทุกขั้นตอน-ตอบ ปชช.ได้! โชว์หนังสือ ปธ.ก.อ.ชง อสส.สอบคดี‘บอส อยู่วิทยา’
ยัน‘จักรทิพย์’ไม่ทราบเรื่องไม่แย้งคำสั่งอัยการ! ตร.วาง 3 กรอบสอบข้อเท็จจริงคดี‘บอส’
ตามหาพยาน 6 ปาก คดี'บอส'! อิศรา ได้คุย'สมยศ' แล้ว ยังไม่ขอตอบปมคำนวณความเร็วเฟอร์รารี่
ฉบับเต็ม! สำนวนลับอัยการสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ พยาน 2 รายใหม่ อ้างขับรถแค่ 50-60กม.
เปิดอาณาจักร 62 บ.‘อยู่วิทยา’ ปี 62 ‘ที.ซี.ฟาร์มาฯ-กระทิงแดง’รายได้ 4 หมื่นล.
คำสั่งชอบหรือไม่-เหตุผลอะไร!คณะทำงานฯอัยการตั้ง 3 ประเด็นสอบปมไม่สั่งฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’
โชว์คำสั่ง อสส.ตั้งคณะทำงานสอบปมสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ - 'ปรเมศว์' ร่วมทีมด้วย
วงศ์สกุล'ตั้งทีม อสส.สอบปมสั่งไม่ฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’-'บิ๊กตู่'ไม่สบายใจ สั่งเกาะติดคดี
มูลนิธิเมาไม่ขับจี้ อสส.-ผบ.ตร.! ชี้แจงหลักการ-เหตุผลไม่สั่งฟ้อง‘วรยุทธ อยู่วิทยา’
โชว์หนังสืออัยการสั่งไม่ฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’ผบ.ตร.ไม่แย้ง-สตช.ยื่นศาลถอนหมายจับ
อสส. แจงอิศรายังไม่ทราบเรื่อง! ซีเอ็นเอ็น ตีข่าว 'อัยการ' ไม่สั่งฟ้อง 'บอส อยู่วิทยา'
ป.ป.ช.ฟันวินัยไม่ร้ายแรงอดีต‘ผบก.น.5-พวก’ปมช่วยเหลือ-ไม่ออกหมายจับ‘บอส กระทิงแดง’
ทายาทกระทิงแดงขอสอบพยานเพิ่มทำคดีขับชน ตร.ตายช้า! อสส.เร่งส่งฟ้องศาล
ไทม์ไลน์ทายาท‘กระทิงแดง’ขอเลื่อนพบอัยการ 7 ครั้งก่อนจ่อถูกหมายจับ?
เจาะอาณาจักรธุรกิจหมื่นล.‘อยู่วิทยา’ -‘วรยุทธ’กก. 3 บริษัทรายได้รวม 914 ล
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage