"...‘ทหารอียิปต์’ ได้รับการผ่อนปรนเข้าไทยในฐานะ ‘ผู้ควบคุมยานพาหนะที่ต้องเข้าประเทศ’ แต่มีข้อกำหนดคือ ต้องผ่านการคัดกรอง , ใช้ระบบติดตามตามที่กำหนด และเข้ารับการกักกัน ณ สถานที่ที่กำหนด ส่วน ‘บุคคลในคณะทูต’ ได้รับการผ่อนปรนให้เข้าประเทศ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุข เช่น หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือชุมชน และเข้ารับการกักกันในที่พำนักไม่น้อยกว่า 14 วัน..."
สถิติ 49 วันที่ไม่พบเชื้อในประเทศกำลังถูกท้าทาย หลังไทยตกอยู่ในสภาวะลุ้นและเสี่ยงที่โควิดจะระบาดรอบที่ 2
เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากวันที่ 13 ก.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงยืนยันพบชาวต่างชาติ 2 รายติดเชื้อโควิดจาก 2 กรณี ที่มีบางช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ภายนอก ‘ไม่กักตัว’ ตามมาตรการสาธารณสุข
รายที่ 1 เป็น ‘ทหารอียิปต์’ เดินทางพร้อมคณะ 31 คน ถึงไทยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และเข้าพักที่โรงแรมใน จ.ระยอง ก่อนเดินทางกลับออกไปเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อเมื่อวันที่ 12 ก.ค. หลังจากคณะทหารอียิปต์เดินทางกลับ 1 วัน ซึ่งในกลุ่มนี้มีบุคคลเดินทางออกนอกที่พัก เพื่อไปห้างสรรพสินค้าในช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุขยืนยันคนกลุ่มนี้ไม่ได้เดินทางมาในฐานะแขกของรัฐบาล
รายที่ 2 เป็น ‘ครอบครัวคณะทูต’ โดยผู้ติดเชื้อเป็นเด็กหญิงอายุ 9 ปี เดินทางมาพร้อมครอบครัว 5 คน ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมาเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ประเทศซูดาน กระทั่งเดินทางมาถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. และถูกตรวจคัดกรองและพบเชื้อในที่สุด
โดยเด็กหญิงถูกนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ส่วนสมาชิกในครอบครัวที่เหลือเข้าพักอาศัยที่คอนโดแห่งหนึ่งใน กทม. โดยไม่ได้กักตัวในพื้นที่ หรืออยู่ภายใต้การดูแลของสถานเอกอัครราชทูตประเทศต้นสังกัดตามมาตรการควบคุมโรค
ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย 2 กรณีเป็นชาวต่างชาติในกลุ่ม 11 ประเภท ที่ ศบค.เพิ่งมีมติผ่อนปรนให้เดินทางเข้าไทย ช่วงที่มีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และผ่อนปรนกิจการกิจกรรมระยะที่ 5 เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดย ‘ทหารอียิปต์’ ได้รับการผ่อนปรนเข้าไทยในฐานะ ‘ผู้ควบคุมยานพาหนะที่ต้องเข้าประเทศ’ แต่มีข้อกำหนดคือ ต้องผ่านการคัดกรอง , ใช้ระบบติดตามตามที่กำหนด และเข้ารับการกักกัน ณ สถานที่ที่กำหนด
ส่วน ‘บุคคลในคณะทูต’ ได้รับการผ่อนปรนให้เข้าประเทศ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุข เช่น หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือชุมชน และเข้ารับการกักกันในที่พำนักไม่น้อยกว่า 14 วัน
จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 กรณี ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขแต่อย่างใด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนในประเทศได้ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ที่ ศบค.ย้ำอยู่เสมอ ‘การ์ดอย่าตก’ จนทำให้ไทยไร้ผู้ติดเชื้อในประเทศ 49 วันติดต่อกัน แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานมีเหตุการณ์ให้ประชาชน ‘วิตกกังวล’ เกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดรอบใหม่ในประเทศไทย
ทั้งกรณีวันที่ 8 ก.ค. ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เพิ่งถูกสังคมติติง จากการไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่างทางสังคม หลังจากร่วมงานเลี้ยงฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา
ต่อมากองทัพถูกวิพากษ์วิจารณ์ กรณีอนุญาต ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เดินทางเข้าประเทศไทย โดยผ่านการคัดกรองโรค แต่ไม่ต้องกักตัว 14 วัน เมื่อวันที่ 9-10 ก.ค.
เช่นเดียวกับช่วงต้นเดือน มี.ค.2563 ประเทศไทยเจอสถานการณ์ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนในการระบาดเชื้อโควิดกับกรณี ‘สนามมวยลุมพินี’
สาเหตุมาจากการจัดแข่งขันชกมวย ในช่วงที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้ทุกหน่วยงานขอความร่วมมือภาคเอกชน เลี่ยงหรือเลื่อนจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก
กระทั่ง ผบ.ทบ.สั่งสอบสวนข้อเท็จจริง จนได้ข้อสรุปเมื่อ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า พบความบกพร่องในการควบคุมโรค และมีคำสั่งปลดคณะกรรมการสนามมวยลุมพินี รวม 15 คน
1 สนามมวยในวันนั้น ทำให้ไทยพบผู้ติดเชื้อมากถึง 276 ราย และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลตัดสินใจบังคับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้าควบคุมสถานการณ์จนถึงปัจจุบัน
จาก ‘ลุมพินี’ ถึง 2 ผู้ป่วย 2 กรณีที่เกิดขึ้นช่วงเวลานี้ ประชาชนทำได้เพียงอย่างเดียวคือ ‘การ์ดอย่าตก’ และให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ส่วนเหตุการณ์นี้ ใครทำให้สังคม ‘การ์ดตก’ จนอยู่ในภาวะ ‘วิตกกังวล’ ใครต้องรับผิดชอบ? เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด
ข่าวประกอบ :
ศบค.พบทหารอียิปต์ป่วยโควิด มีประวัติพักโรงแรม-ห้าง จ.ระยอง สั่งสอบสวนโรคอย่างละเอียด
ผู้ว่าฯระยองสั่งปิด รร.‘ทหารอียิปต์’ติดโควิดฯเข้าพัก กักตัว พนง.-ส่งทีมแพทย์ตรวจแล้ว
กองทัพแจงไม่เกี่ยวข้อง 'ทหารอียิปต์' ติดโควิดเข้าไทย-สธ.ลงพื้นที่หากลุ่มเสี่ยงพรุ่งนี้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage