ป.ป.ท.พบพิรุธ 28 อปท.ใน 17 จังหวัดมีความผิดปกติในการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ป้องกันโควิด 'พ.ต.ท.วันนพ' ระบุ พบทั้งจัดซื้อแพงเกินจริง-ไม่ปรากฎหลักฐานการสืบราคา ส่งให้ ป.ป.ช.สอบต่อแล้ว 3 เรื่อง เผยอยู่ในอีสาน 2 เรื่องและกลาง 1 เรื่อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ครั้งที่ 1/2563 เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนงานตามกลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด
โดย พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ท.) ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ศอตช. กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ได้เสนอกลไก 4 ด้านในการเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งเป็นกลไกที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้แก่ 1.เฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส โดยกำหนดให้ทุกหน่วยงานต้องเปิดข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณและรายงานความคืบหน้าโครงการเป็นระยะ 2.ป้องกันและลดโอกาสการทุจริต กำหนดให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบทำการประเมินและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต โดยให้ ศอตช.พิจารณาวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอแนะต่อไป
3.ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย หรือได้รับแจ้งเบาะแสการทุจริต ให้ ศอตช. ดำเนินการตรวจสอบทั้งก่อนทำโครงการ ระหว่างทำโครงการ และหลังการทำโครงการ โดยให้หน่วยงานรายงานข้อเท็จจริงให้รับทราบต่อไป และ 4.ดำเนินมาตรการทางปกครอง วินัยและอาญา ให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดโดยเร็วและเป็นธรรม โดย ป.ป.ท. จะติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ และรายงานต่อ ศอตช. ต่อไป
ทั้งนี้ ป.ป.ท.ได้รายงานผลการดำเนินงานของ ศอตช.ในช่วงที่ผ่านมา โดยข้อมูล ณ วันที่ 19 มิ.ย. ได้ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อโควิด ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมทั้งหมด 73 หน่วยงานใน 37 จังหวัด พบความผิดปกติในการจัดซื้อจัดจ้าง 28 แห่งใน 17 จังหวัด แบ่งลักษณะได้ 16 ประการ อาทิ ราคาจัดซื้อสูงเกินจริง เมื่อเทียบกับราคาหรือคุณสมบัติของวัสดุในสถานการณ์นั้น, ไม่ปรากฏหลักฐานการสืบราคาให้ตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการแล้ว 3 เรื่อง แบ่งเป็นพื้นที่ภาคอีสาน 2 เรื่อง ภาคกลาง 1 เรื่อง ทั้งนี้เรื่องไหนถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องวินัยก็จะส่งต้นสังกัดต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณาปรับองค์ประกอบ ศอตช. โดยเพิ่มปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเฉพาะด้าน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ, คณะอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และคณะอนุกรรมการเสริมสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage