ทฤษฎีสมคบคิดที่นำเอาการระบาดของโควิดกับ 5G มาเชื่อมโยงกัน อย่างไร้เหตุผล จากอิทธิพลของข่าวปลอมบนสื่อโซเชียล ทำให้องค์การอนามัยโลก อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จนต้องออกมายืนยันว่า โควิด-19 ไม่สามารถแพร่ผ่านคลื่นวิทยุหรือโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5Gได้ แม้แต่ประเทศจำนวนมากที่ยังไม่มีโครงข่าย 5G ก็เกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดเช่นกัน
สวิสเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆของยุโรปที่เริ่มนำเทคโนโลยี 5G มาใช้งานเพื่อทดแทนเทคโนโลยี 4G เพราะเทคโนโลยี 5G คือเทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ที่คาดว่าจะอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์นานัปการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์จะอำนวยความสะดวกในการรักษาโรคและช่วยชีวิตมนุษย์ในยามคับขัน เช่น การใช้ Telemedicine เพื่อการวินิจฉัยโรค การผ่าตัด การให้คำแนะนำของแพทย์ ฯลฯ ผ่านโครงข่ายโทรศัพท์ไร้สาย 5G ซึ่งจะช่วยให้การรักษาหรือวิเคราะห์โรคเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเทคโนโลยีที่เคยใช้งานมาก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีการติดตั้งเสาสัญญาณ 5G ในสวิสเซอร์แลนด์กลับมีคนสวิสกลุ่มหนึ่งออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยี 5G อย่างกว้างขวางในหลายเมืองและน่าจะเป็นการประท้วงเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี 5G ที่จริงจังกว่าประเทศใดๆ
การที่คนนับพันคน ซึ่งมีทั้ง นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ วิศวกร นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักการเมืองฝ่ายซ้าย นักดนตรี รวมทั้งผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยจากคลื่นวิทยุ ภายใต้การนำขององค์กรผู้ต่อต้านเทคโนโลยี 5G เช่น กลุ่ม Stop 5G กลุ่ม Association Romande Alerte และกลุ่ม Gigaherz Club ได้ออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยี 5G ของรัฐบาลสวิส ด้วยเหตุผลหลักสามประการคือ
- ความกังวลจากความเสี่ยงจากคลื่นวิทยุความถี่สูงต่อสุขภาพของประชาชน
- ความกังวลต่อการทำลายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและการใช้พลังงานของเทคโนโลยี 5G
- ความกังวลต่อเรื่องการคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวจากการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่างๆ
ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพและการขาดคำอธิบายที่ชัดเจนต่อเรื่องดังกล่าวจากภาครัฐ ทำให้การประท้วงมีพลังและเกิดการประท้วงที่ต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นการประท้วงต่อภัยคุกคามจากเทคโนโลยีที่พบได้ไม่บ่อยครั้งนักและถ้าภาครัฐยังไม่สามารถตอบคำถามต่อความแคลงใจของประชาชนในเรื่องดังกล่าวได้ เทคโนโลยี 5G ก็แทบจะไม่ได้มีความหมายใดๆต่อชาวสวิสเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนนั้น ชาวสวิสถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจากผลการสำรวจของนิตยสาร L’illustre ของสวิสเซอร์แลนด์ พบว่า ชาวสวิสมากถึง 54 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G คือภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชน
ปัจจุบันเขตปกครองของสวิสเซอร์แลนด์บางเขตระงับการใช้เสาอากาศของเทคโนโลยี 5G เพื่อรอคำแนะนำจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลาง (The Federal Office for the Environment : FOEN)
ในช่วงโควิด-19 ระบาด เทคโนโลยี 5G กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกับโควิด-19 อย่างไม่น่าเชื่อ และได้สร้างความแปลกใจให้กับคนจำนวนมาก เมื่อมีรายงานว่า เสาสัญญาณโทรศัพท์ระบบ 5G ถูกทำลายในหลายประเทศ เพราะคนกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อว่า เสาสัญญาณ 5G เป็นสื่อแพร่เชื้อโควิด จนทำให้ เสาสัญญาณโทรศัพท์ระบบ 5G ของบริษัท Vodafone และบริษัทโทรคมนาคมอีกหลายแห่งทั่วประเทศอังกฤษถูกเผาทำลายและวิศวกรโทรศัพท์ถูกคุกคามขณะทำงาน
นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์การทำลายเสาส่งสัญญาณ 5G ลักษณะเดียวกันในประเทศอื่นๆในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ไซปรัส และ เบลเยี่ยม เป็นต้น แม้แต่ในบางสถานที่ที่เสาสัญญาณไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ 5G ก็ยังพลอยถูกเผาหรือทำลายไปด้วย
สาเหตุที่คนจำนวนหนึ่งมีการเผาและทำลายเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ 5G คาดว่า เกิดจากการผสมผสานความเชื่อของสอง ทฤษฎี คือ
- ความเชื่อเดิม ที่เคยเชื่อกันว่าคลื่นวิทยุความถี่สูงจากสายอากาศ 5G จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งยังคงเป็นปัญหาคาใจของคนสวิส เป็นเหตุให้คนจำนวนหนึ่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้มีการประท้วงตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
- ความเชื่อใหม่ ซึ่งเชื่อว่าการแพร่กระจายของสัญญาณ 5G คือการทำให้เกิดไวรัสโควิด-19 ระบาด ทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลหรือการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆรองรับ
ความเชื่อจากทฤษฎีที่สองอันเกิดจากทฤษฎีสมคบคิดของคนบางกลุ่มที่ถูกเผยแพร่ออกไปได้สร้างความสับสนจนทำให้เกิดสถานการณ์การเผาและทำลายเสาสัญญาณโทรศัพท์ระบบ 5G กันอย่างกว้างขวาง
ต้นตอของข่าวการ แพร่เชื้อโควิดจากเสาสัญญาณโทรศัพท์ 5G คาดว่ามาจากเว็บไซต์ของฝรั่งเศสที่ชื่อ Les moutons enrages ซึ่งกล่าวถึงคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นสั้นมากที่ใช้กับระบบโทรศัพท์ 5G และโควิด -19 ว่า มีความสัมพันธ์กันและยังมีการอ้างถึงเมืองอู่ฮั่นที่กำลังมีการติดตั้งเสาสัญญาณระบบโทรศัพท์ 5G ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นข่าวได้ถูกเผยแพร่ต่อทางสื่อโซเชียล จนเกิดความเข้าใจไม่ถูกต้องและนำไปสู่ความเชื่อผิดๆ โดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆรองรับ
นอกจากนี้กระแสการระบาดของ โควิด-19 ผ่านโครงข่าย 5G ได้ถูกกระพือผ่านสื่อโซเชียลของบรรดาเซเลบบางคน เช่น การแชร์ข่าวขณะที่ประชาชนชาวจีนกำลังโค่นเสาสัญญาณ 5G โดย Woody Harrelson นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน จนทำให้ผู้คนหลงเชื่อ ทั้งๆที่ผู้ประท้วงกำลังโค่นเสาโคมไฟอัจฉริยะในฮ่องกงเพื่อประท้วงจีนเพราะกลัวว่าจะมีการสอดแนมหรือกรณีของนักร้องสาว MIA ซึ่งเผยแพร่ข่าวว่าโควิด -19 มีความเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี 5G ยิ่งซ้ำเติมเชื้อความเชื่อให้ผู้คนขึ้นไปอีก เป็นต้น
แม้ว่าจะมีการเผยแพร่ข้อมูลชี้แจงในภายหลังว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง แต่ข่าวที่แพร่จากเซเลบทั้งสองคน รวมทั้งเซเลบคนอื่นๆที่มีผู้ติดตามนับล้านคนได้ฝังความเชื่อให้กับคนจำนวนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้วว่า เทคโนโลยี 5G คือตัวการสำคัญในการแพร่เชื้อโควิด-19 และความเชื่อเหล่านี้ได้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วกว่าการระบาดของโควิด-19 เสียอีก ทั้งๆที่ประเทศที่เกิดเหตุล้วนเป็นประเทศพัฒนาชั้นนำของโลกด้วยกันทั้งสิ้น
จากการศึกษาของ Oxford’s Reuters Institute พบว่า หาก นักการเมือง เซเลบ และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม สร้างหรือเผยแพร่ข้ออ้างผิดๆเกี่ยวกับโควิดเพียงเล็กน้อย ข่าวปลอมเหล่านั้นจะมีผลต่อการมีส่วนร่วมในสื่อโซเชียลมากขึ้นหลายเท่าตัว
ทฤษฎีสมคบคิดที่นำเอาการระบาดของโควิดกับ 5G มาเชื่อมโยงกัน อย่างไร้เหตุผล จากอิทธิพลของข่าวปลอมบนสื่อโซเชียล ทำให้องค์การอนามัยโลก(World Health Organization : WHO) อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จนต้องออกมายืนยันว่า โควิด-19 ไม่สามารถแพร่ผ่านคลื่นวิทยุหรือโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5Gได้ แม้แต่ประเทศจำนวนมากที่ยังไม่มีโครงข่าย 5G ก็เกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดเช่นกัน
ที่มา : องค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้โฆษกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ(International Telecommunication Union :ITU) ยังได้ออกมาสำทับอีกเสียงหนึ่งว่า ทฤษฎีความเชื่อมโยงระหว่าง เทคโนโลยี 5G กับ ไวรัสโคโรนา เป็นเรื่องหลอกลวงและเทคโนโลยี 5G ไม่มีทางที่จะแพร่เชื้อโรคได้
สื่อโซเชียลอย่าง Facebook Twitter และ YouTube ซึ่งเป็นสื่อโซเชียลที่มีผู้คนนิยมใช้งานแพร่หลายและเป็นแหล่งเผยแพร่ข่าวปลอมต่างๆ รวมทั้งข่าวปลอมที่เชื่อว่า 5G คือสื่อแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ออกมาขานรับในทางเดียวกันว่า จะพยายามลดการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับช่วงโควิด-19 ให้มากที่สุด แต่จะได้ผลเพียงใดนั้นสังคมจะเป็นผู้พิสูจน์ความจริง
ข่าวปลอมผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและทุกสถานการณ์ ข่าวปลอมในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่มีผู้พยายามนำไปเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี 5G อันเกิดจากความเชื่อด้วยความไม่รู้หรือด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตาม ย่อมมีความอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่งต่อการรับรู้ของผู้คนและได้ถูกขยายความจนกลายเป็นความเชื่อที่ไร้สติและนำไปสู่เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินจำนวนมากโดยคาดไม่ถึง
อ้างอิง
1. https://www.isranews.org/isranews-article/76758-fivegg-76758.html
2. https://www.techradar.com/news/swiss-cantons-halt-use-of-new-5g-masts-due-to-health-concerns
6. https://news.un.org/en/story/2020/04/1062362
ภาพประกอบ
https://www.itnewsafrica.com/2020/04/5-reasons-why-5g-has-nothing-to-do-with-covid-19/