เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เลือกมาตรการผ่อนคลาย โดยเปิดเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป โรงเรียนหลายแห่งในเกาหลีใต้ยังคงปิดอยู่ แต่นักเรียนส่วนใหญ่เข้าเรียนออนไลน์ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนแล้ว ทำให้การเรียนออนไลน์ของประเทศนี้ กลายเป็นเรื่องปกติใหม่ มีนักเรียนระดับประถม มัธยม มากกว่า 3.1 ล้านคน เรียนผ่านออนไลน์
นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส (COVID-19) สถานศึกษา ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน มหาวิทยาลัย กลายเป็นสถานที่ลำดับแรกๆ ที่ถูกสั่งปิดก่อนใครเพื่อน ให้หยุดการเรียนการสอน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่
วันนี้สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทย แม้กราฟจะดูดีขึ้น อีกทั้งรัฐบาลก็กำลังมีมาตรการผ่อนคลายออกมาเร็วๆ นี้ แต่ในมุมมอง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นว่า การผ่อนคลายมาตรการใดๆ อย่ารีบร้อน โดยเฉพาะการเปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย และต้องแน่ใจก่อนว่า สามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อได้
"การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นสถานที่ที่มีผลกระทบสูง และง่ายต่อการแพร่กระจายของเชื้อ เชื้อโควิด-19 เวลาเข้าไปติดในเด็ก เด็กเล็ก ๆ มีโอกาสติดเชื้อนี้ได้เยอะมาก แต่เวลาแสดงอาการ จะน้อยมาก ขณะที่อัตราการเสียชีวิตในเด็กก็น้อยมากเช่นกัน ฉะนั้นการไปโรงเรียน มีโอกาสเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในหมู่เด็กๆ ที่อยู่ในโรงเรียนด้วยกัน และกระจายต่อไปถึงครู เด็ก ๆ ซึ่งเป็นลูกหลานของเรา หากรับเชื้อมา เมื่อกลับถึงบ้าน เราคงนึกภาพออก สังคมไทย คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย มักจะชอบกอดเด็ก และจะเกิดการแพร่กระจายอย่างรุนแรง"
นี่คือเหตุที่ทำไมก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศให้มีการปิดโรงเรียน ปิดมหาวิทยาลัย เพราะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่มีผลกระทบสูงนั่นเอง
ฉะนั้น การเดินหน้าเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน มหาวิทยาลัย จากนี้อาจไม่เหมือนเดิม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาตรการของแต่ละประเทศ มาเปรียบเทียบดูว่า บ้านเขาเตรียมความพร้อมเรื่องนี้กันอย่างไรบ้าง รวมถึงหน้าตาห้องเรียนที่เปลี่ยนไป...
ประเทศไทย
เมื่อวันที่ 21 เมษายน ครม.รับทราบแผนการเตรียมความพร้อมรับเปิดเทอม (อ่านประกอบ:‘ศึกษาธิการ’เตรียมเปิดสอนออนไลน์-ทีวีดาวเทียม หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ดีขึ้น ) โดยกระทรวงศึกษาธิการ แบ่งแผนการจัดการเรียนการสอนช่วงงสถานการณ์ COVID-19 ออกเป็น
สถานการณ์ที่ 1 กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่คลี่คลาย จะจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ด้วยระบบทางไกลผ่าน DLTV และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยวีดิทัศน์การสอนโดยครูต้นแบบ และระบบออนไลน์ด้วยเครื่องมือการเรียนรู้ตามความเหมาะสมและบริบทของสถานศึกษา
สถานการณ์ที่ 2 กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลี่คลาย จะจัดการเรียนการสอนปกติในโรงเรียน โดยให้เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และมีแผนเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ขอความร่วมมือกับโรงเรียนเอกชน สำหรับจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยอยู่ระหว่างจัดทำสารบัญกลุ่มสาระการเรียนรู้จำแนกตามระดับชั้นและตัวชี้วัด เพื่อการเชื่อมต่อไปยังสื่อการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในคลังข้อมูลที่ได้จัดทำขึ้น ให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือน พ.ค.นี้
ฝรั่งเศส
มาตรการทางสาธารณสุขในสถานศึกษา
- เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองสามารถเลือกว่าจะส่งบุตรหลานกลับไปเข้าเรียนที่สถานศึกษาได้หรือไม่ในวันที่ 11 พ.ค. โดยยังคงให้มีการเรียนการสอนทางไกลอยู่
- รัฐบาลต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขของการเปิดสถานศึกษาแก่ผู้ปกครอง และมีการอธิบายข้อมูลแนวปฏิบัติทางสาธารณสุขให้เหมาะกับเด็กแต่ละวัย- จัดให้มีการเข้า - ออกเรียนของแต่ละชั้นในช่วงเวลาที่ไม่ตรงกัน
- ให้ นร. หมั่นล้างมือทำความสะอาด อย่างน้อยเมื่อเริ่มเรียนและหลังเลิกเรียน ก่อนอาหารแต่ละมื้อ และทุกครั้งที่มือเปื้อน โดยเห็นว่าเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้ออาจเป็นอันตรายสำหรับเด็กต่ำกว่าระดับ ม. ต้น จึงแนะนำให้ล้างมือด้วยสบู่มากกว่า
- ให้มีการทำความสะอาดห้องเรียนและพื้นที่ส่วนรวมในสถานศึกษา โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีผู้จับต้องจำนวนมาก (เช่น ลูกบิดประตูและสวิตไฟ) วันละหลายครั้ง และให้มีการถ่ายเทอากาศในห้องเรียนด้วย โดยเฉพาะระหว่างพักเรียน หรือการทานอาหารกลางวัน หรือระหว่างการเปลี่ยนห้องเรียน
- รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตรทุกขณะ ทั้งนี้ หากสถานศึกษาใดมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ให้พิจารณาทำการเรียนการสอนเฉพาะกลุ่ม วันเว้นวันหรือสลับกันครึ่งเช้า - บ่าย
- หากเป็นไปได้ ให้พักทานอาหารกลางวันในห้องเรียน
- ให้ผู้ปกครองหมั่นสำรวจอาการของบุตร โดยแนะนำให้วัดอุณหภูมิก่อนออกจากที่พัก และหากมีอาการป่วย ให้หยุดเรียน
- ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าไปในสถานศึกษา และไม่ควรให้มีการรวมกลุ่มของผู้ปกครองหน้าสถานศึกษาระหว่างรอรับ นร.
- ให้บุคลากรทุกคนและ นร. ตั้งแต่ชั้น ม. ต้นขึ้นไป สวมหน้ากากกันละอองน้ำลาย
- ให้บุคลากรที่เป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงยังคงปฏิบัติงานจากที่พัก
- ให้เพิ่มการจัดรถรับ - ส่งไปยังสถานศึกษา เพื่อให้สามารถรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ระหว่างกันได้
- สำหรับ รร. ประจำ ให้ นร. ที่มีความจำเป็นด้วยเหตุผลทางสังคมหรือการศึกษา สามารถกลับไปที่ รร. ประจำได้
- ไม่แนะนำให้ทำการตรวจการติดเชื้อ (test PCR) อย่างกว้างขวางในสถานศึกษา เนื่องจากหากจะตรวจอย่างได้ผลจริงจะต้องทำทุก ๆ 5 - 7 วัน สำหรับ นร. และบุคลากรทั้งหมด
- ควรมีขั้นตอนการปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อในสถานศึกษาอย่างชัดเจน และเป็นที่รับทราบทั่วกันในสถานศึกษาและผู้ปกครอง กล่าวคือ ต้องมีการตรวจการติดเชื้อของบุคลากรและ นร. ทุกคนในชั้นเรียน ปิดชั้นเรียนและให้ผู้ติดเชื้อแยกตัวเป็นเวลา 14 วัน
ที่มาภาพ https://www.straitstimes.com
ไต้หวัน
เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัย นั่งอยู่หลังแผงกั้นที่ทำด้วยกระดาษลูกฟูก ขณะเข้าเรียน หนึ่งในมาตรการป้องกันการติดเชื้อของ Covid-19 จากน้ำลาย เมื่อนักเรียนมีการพูดคุย ไอ จาม รวมถึงมาตรการให้เด็กรับประทานอาหารกลางวันในห้องเรียนด้วย
ที่มาภาพ https://www.thelocal.dk/20200415/denmark-opens-schools-after-lockdown-in-european-first
เดนมาร์ก
เดนมาร์กกลายเป็นประเทศแรกในยุโรปแห่งแรกที่จะเปิดโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก หลังมีมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งหน้าตาห้องเรียนที่เดนมาร์ก เด็กชั้นประถม มีการจัดนั่งที่โต๊ะห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร อนุญาตให้มีเด็กในห้องเรียนได้สูงสุด 10 คนในแต่ละชั้นเรียน และไม่อนุญาตให้กินอาหารกลางวันร่วมกัน
การเล่น เด็กๆ ยังเล่นได้เฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านี้น รวมทั้งโรงเรียนจัดให้เด็กมั่นล้างมือทุกชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้น ขณะที่ผู้ปกครองจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในโรงเรียน
เด็กโตเรียนทางไกลได้
จดหมายน้อยถึงรัฐมนตรีศึกษา
นิวซีแลนด์
เลือกเปิดเรียนแบบมีลำดับขั้น และเปิดเรียนในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน สำหรับนักเรียนที่อายุไม่เกิน 10 ปี โรงเรียนเปิดทำการในวันพุธที่ 29 เมษายน เด็กโตกว่านั้น อาจต้องเรียนทางไกล (Distance learning) เช่นเดียวกับการศึกษาระดับอุดมศึกษา (http://www.education.govt.nz/covid-19/)
ทั้งนี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์มีการวางแผนด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยก่อนเปิดเรียน เช่น เด็กอาจไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเดียวกัน กับครู เวลาเข้า หรือเลิกเรียนอาจแตกต่างกัน ขณะที่กิจกรรมบางอย่างอาจจะทำไม่ได้แล้ว เช่น การเล่นกีฬา บริการรับประทานอาหาร
หากพบว่า เด็ก หรือครู ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปมีอาการไม่สบาย จะต้องหยุดอยู่บ้าน เด็กนักเรียนและครูต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร ใช้ contact tracing สืบหาผู้ที่มีสัมผัสใกล้ชิดช่วยในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19
ขณะที่สุขอนามัยพื้นฐาน ก็เหมือนประเทศต่างๆ ทั้งการล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่ หรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อมือ เมื่อไม่มีสบู่หรือน้ำ การไอหรือจาม ให้ใช้ข้อศอก และหมั่นทำความสะอาดพื้นผิวอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา https://www.koreatimes.co.kr/2
เกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เลือกมาตรการผ่อนคลาย โดยการเปิดเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับที่นิวซีแลนด์ ซึ่งโรงเรียนหลายแห่ง ในเกาหลีใต้ยังคงปิดอยู่ แต่นักเรียนส่วนใหญ่เข้าเรียนออนไลน์ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนแล้ว ทำให้การเรียนออนไลน์ของประเทศนี้ กลายเป็นเรื่องปกติใหม่ หรือ ชีวิตวิถีใหม่ (new normal) โดยมีนักเรียนระดับประถมศึกษามัธยมต้น มากกว่า 3.1 ล้านคน เรียนผ่านออนไลน์
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ชอง เซ-คยูน (Chung Sye-kyun) แห่งเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า แม้รัฐบาลเข้มงวดดูแลการฆ่าเชื้อโรคในโรงเรียน เพื่อลดความเสี่ยงแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเด็กที่จะกลับไปโรงเรียน
"การตัดสินใจให้เด็กไปโรงเรียน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด และต้องมีการเตรียมการที่มองข้ามไปแทบไม่ได้ เช่น ครูควรสวมหน้ากากหรือไม่ สุขอนามัยต่างๆ โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร และการรักษาระยะห่าง"
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า มาตรการเปิดโรงเรียนอย่างไรให้ปลอดภัย รัฐบาลเกาหลีใต้จะประกาศให้สาธารณชนรับทราบ ประมาณต้นเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ การเปิดโรงเรียนจะทยอยเปิด เริ่มจากระดับมัธยม และมัธยมต้นก่อน
จีน
โรงเรียนหลายแห่ง ในแต่ละมณฑลของจีน เปิดการเรียนการสอนมาหลายสัปดาห์แล้ว หลังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้ดี
ที่เมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด กำหนดจะเปิดเรียนชั้นมัธยม ในวันที่ 6 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ส่วนมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง และอีกหลายเมืองใหญ่ทั้งที่กรุงปักกิ่ง และเซียงไฮ้ มีมาตรการที่เข้มงวดเช่นกัน เช่น นักศึกษาที่จะเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย ต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย มีการฆ่าเชื้อโรค
สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า โรงเรียนมัธยมต้นกว่างโจวหนานอู่ เมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ได้เชิญผู้ปกครองของนักเรียนมาที่โรงเรียน เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ภายในโรงเรียน เช่น การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในห้องเรียน การจัดวางโต๊ะกินข้าวในโรงอาหารแบบเว้นระยะห่าง การจัดทำคู่มือป้องกันโรคโควิด-19 การทำสัญลักษณ์เตือนให้รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล และการจัดเตรียมห้องแยกโรคชั่วคราว
นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังต้องสเแกนรหัสสุขภาพแบบคิวอาร์โค้ด (QR) ก่อนเข้าบริเวณโรงเรียนอีกด้วย โดยมาตรการทั้งหมดเกิดขึ้นเพื่อรับประกันความปลอดภัยก่อนกลับมาเริ่มต้นการเรียนการสอนอีกครั้ง
สร้างความคุ้นเคย รักษาระยะห่าง เด็กนักเรียนชั้นประถม ณ เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียงของจีนตะวันออก
ประดิษฐ์หมวกยาวหนึ่งเมตร สวมใส่เข้าเรียนในวันแรกของภาคเรียนใหม่
ขอบคุณภาพประกอบเรื่อง:กระทรวงศึกษาธิการ